ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) เตรียมเปิดตัวบัญชีธนาคารรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับบริษัทคริปโตโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้ธนาคารที่ดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเชื่อมต่อกับระบบชำระเงินของ Fed ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านธนาคารพาณิชย์เหมือนในอดีต ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น *“การล้างแค้นของทรัมป์”* และถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนในนโยบายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต่ออุตสาหกรรมคริปโต
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม โดย คริส วอลเลอร์ กรรมการธนาคารกลางสหรัฐ ในการประชุม “Payment Innovation Conference” ซึ่งเขาได้เปิดเผยแผนการออก “บัญชีสกินนีมาสเตอร์ (Skinny Master Account)” ซึ่งเป็นบัญชีที่อนุญาตการเข้าถึงระบบการชำระเงินของธนาคารกลางสำหรับสถาบันที่ตรงตามเกณฑ์ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธนาคารพาณิชย์เหมือนแต่ก่อน
ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนและดูแลสินทรัพย์คริปโตหลายแห่งแสดงความสนใจทันที โดยมองว่านี่คือสัญญาณของการ *“เลิกพึ่งพาธนาคารพาณิชย์”* จากฝั่งรัฐบาลกลาง อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์(Bitmex) แสดงความคิดเห็นว่า “Fed กำลังเขย่าระบบธนาคารสหรัฐโดยตรง เพราะนี่คือการล้างแค้นที่ครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์เคยถูกปฏิเสธบริการธนาคารหรือที่เรียกว่า ‘debanking’”
สองบริษัทที่ได้รับประโยชน์ทันทีจากประกาศนี้ ได้แก่ คัสโทเดียแบงก์(Custodia Bank) และคราเคน(Kraken) ซึ่งต่างพยายามแสวงหาสิทธิ์ใช้งานบัญชีมาสเตอร์กับ Fed มาเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะคัสโทเดียที่เคยยื่นฟ้อง Fed มาแล้วในประเด็นนี้ เอลีเนอร์ เทอร์เร็ต(Eleanor Terrett) ผู้ดำเนินรายการคริปโตได้กล่าวว่า *“โครงสร้างนี้จะเปิดทางให้ฟินเทค, ผู้พัฒนาสตейเบิลคอยน์ และโครงการบล็อกเชนเข้าถึงบริการของ Fed ได้โดยตรง”* ซึ่งอาจครอบคลุมถึงบริษัทที่ยื่นขอในปีนี้อย่าง ริปเปิล(XRP) และแองเคอริจ(Anchorage)
ทางฝั่งการเงินแบบดั้งเดิมมีท่าทีตอบโต้ทันที เดวิด เบคเวิร์ธ(David Beckworth) นักวิจัยเศรษฐศาสตร์มหภาคระบุว่า “สุนทรพจน์ของวอลเลอร์ในวันนี้ น่าจะไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้กับธนาคาร” พร้อมเสริมว่านี่อาจเป็นหมุดหมายที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสามารถกุมบังเหียนด้านนวัตกรรมทางการเงินได้มากขึ้น
เคทลิน ลอง(Caitlin Long) ซีอีโอของคัสโทเดีย กล่าวอย่างมั่นใจว่า “บริษัทยังเชื่อว่าบัญชีใหม่นี้จะไม่ใช่แค่ความหวัง แต่จะเป็นกุญแจสู่การสร้างระบบการเงินสมัยใหม่ที่รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง” โดยเธอชี้ว่า *“โครงสร้างนี้จะเป็นรากฐานของระบบ ‘โทเคนไนซ์แบบธนาคาร’ ที่เร็วและปลอดภัย”* นำไปสู่ยุคที่ดอลลาร์ที่ถูกโทเคนไนซ์สามารถเคลื่อนไปมาระหว่างเงินฝากและสเตเบิลคอยน์ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยชี้ว่า ‘กระเป๋า’ และ ‘การดูแล’ แบบบล็อกเชนจะกลายเป็นคีย์หลักของโครงสร้างแพลตฟอร์มในอนาคต
ความเคลื่อนไหวของ Fed ครั้งนี้ยังเชื่อมโยงกับประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ Fed ได้ยกเลิกให้ “ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง” เป็นหนึ่งในปัจจัยกำกับธนาคารพาณิชย์กรณีร่วมมือกับบริษัทคริปโต ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีผ่อนคลายอย่างมีนัยสำคัญ และอาจเป็นแรงส่งให้บริษัทคริปโตในสหรัฐที่เคยประสบปัญหาในการหาพันธมิตรธนาคารสามารถกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ ในการประชุมเดียวกันยังมีการหารือถึงเทคโนโลยีทางการเงินที่ใช้ AI อย่าง ‘agentic commerce’ หรือการค้าด้วยตัวแทนอัจฉริยะ โดยมี แม็ตต์ มาร์คัส(Matt Marcus) ซีอีโอของโมเดิร์นเทรชเชอรี(Modern Treasury) เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมผู้ร่วมเสวนาชื่อดัง เช่น แคธี วูด(Cathie Wood) จาก ARK Invest, อเลเซีย ฮาส(Alesia Haas) CFO จากคอยน์เบส(Coinbase), เอมิลี แซนด์ส(Emily Sands) จาก Stripe และ ริชาร์ด วิดมันน์(Richard Widmann) จาก Google Cloud
ในมุมมองทางการเมือง คำประกาศของ Fed ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2024 ที่ชื่อของ 'ทรัมป์' กำลังกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง หนึ่งในประเด็นหลักของเขาคือการลดบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายคริปโตที่เป็นมิตรในสมัยดำรงตำแหน่งก่อนหน้า
*ความคิดเห็น*: สำหรับวงการคริปโต นโยบายใหม่นี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองครั้งใหม่ โดยเฉพาะกับบริษัทที่ต้องการขยายตัวหรือยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดการเงินกระแสหลักได้ การเปิดกว้างเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางจะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุนและภาคธุรกิจ โดยระบบ ‘บัญชีมาสเตอร์’ นี้น่าจะกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญของอุตสาหกรรมบล็อกเชนในระยะยาว
ความคิดเห็น 0