ตลาดคริปโตอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลังความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและวิกฤตชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลากยาวเกิน 40 วัน ส่งผลกระทบต่อการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ขณะเดียวกันก็สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง *บิตคอยน์(BTC)* ที่กำลังพยายามปรับตัวขึ้นหลังจากทดสอบแนวรับเชิงโครงสร้าง โดยระดับราคา $117,000 ถูกมองว่าเป็นจุดชี้ชะตาในทิศทางของแนวโน้มขาขึ้น
จากรายงานประจำสัปดาห์ของ *เอเอ็มแมเนจเมนต์(AM Management)* บริษัทวิจัยและบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับโลก ระบุว่า แม้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์ร่วงลง 4.38% แต่ในช่วงปลายสัปดาห์เริ่มเกิดการฟื้นตัวจากความหวังว่า วิกฤตชัตดาวน์อาจได้ข้อยุติ รวมถึงข่าวบวกเกี่ยวกับการลดภาษีการค้านำเข้าสินค้าซึ่งช่วยให้ตลาดกลับมาเคลื่อนไหวในเชิงบวกอีกครั้ง ทั้งนี้ บิตคอยน์โดมิแนนซ์หรือส่วนแบ่งการตลาดพุ่งขึ้นที่ 59.95% สะท้อนถึงการไหลกลับของเงินทุนจาก *อัลต์คอยน์* เข้าสู่บิตคอยน์
ในแง่การลงทุนของสถาบัน ความเคลื่อนไหวในตลาด ETF ก็ชวนให้จับตามอง โดย ETF ที่จดทะเบียนกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ บันทึกยอดเงินไหลเข้าเกือบ 240 ล้านดอลลาร์ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ยุติสถิติการไหลออกต่อเนื่องถึง 6 วันก่อนหน้า โดยมี *iShares Bitcoin Trust (IBIT)* และ *Fidelity Wise Origin (FBTC)* เป็นตัวหลักในการดึงดูดเงินทุนกลับเข้า คาดว่าความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ย และความชัดเจนทางนโยบายเศรษฐกิจ ช่วยหนุนให้นักลงทุนสถาบันกลับมาเข้าซื้อใหม่
ในทางตรงข้าม *อีเธอเรียม(ETH)* ยังคงเผชิญภาวะเงินทุนไหลออกจาก ETF ต่อเนื่องที่ประมาณ 219 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของ เอเอ็มแมเนจเมนต์ ชี้ว่า กระแสสะสมของนักลงทุนรายย่อยที่เข้าซื้อในราคาต่ำ บ่งบอกถึงโอกาสการฟื้นตัวในระยะกลางถึงยาว ส่วนความพยายามของ *โซลานา(SOL)* และอัลต์คอยน์อื่นๆ ในการฟื้นอิทธิพลตลาด ยังคงถูกจำกัด หากไม่มีการยืนยันการกลับไปยืนเหนือจุดสูงสุดก่อนหน้า
"ความคิดเห็น" บริษัทเชื่อว่า การเอาชนะแนวต้านสำคัญที่ $117,000 ของบิตคอยน์จะเป็นตัวกำหนดว่า การปรับฐานในรอบนี้เป็นเพียงการพักตัวชั่วคราวก่อนเข้าสู่รอบขาขึ้น หรือเป็นสัญญาณของรอบขาลงใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นของตลาดยังขึ้นกับปัจจัยมหภาคด้านนโยบายการเงินและข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคลุมเครือ
แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขาดข้อมูลทางเศรษฐกิจจากชัตดาวน์ เช่น รายงานการจ้างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ต้องเตรียมประชุมเดือนธันวาคมโดยไร้ข้อมูลพื้นฐาน แต่กระแสข่าวดีจากวุฒิสภาซึ่งผ่านร่างงบประมาณแล้ว และเหลือเพียงขั้นตอนลงมติของสภาผู้แทนราษฎรและการลงนามโดยทรัมป์ อาจช่วยคลายความกังวลในระยะสั้น ขณะเดียวกัน การที่จีนยอมชะลอมาตรการภาษีตอบโต้ ก็เป็นอีกแรงสนับสนุนให้ปัจจัยภายนอกคลายตัวลง
ท้ายที่สุด ความหวังในการกลับมาเป็นขาขึ้นของตลาดคริปโตขึ้นอยู่กับว่า ความไม่แน่นอนทางนโยบายจะคลี่คลายเร็วเพียงใดและข้อมูลเศรษฐกิจจะสามารถสะท้อนการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ ในช่วงนี้ สินทรัพย์ความเสี่ยงอย่างคริปโต นำโดย *บิตคอยน์* เริ่มเห็นการฟื้นตัวของความเชื่อมั่น และถ้าปัจจัยเทคนิคราคาและความชัดเจนทางนโยบายเดินไปในทิศทางเดียวกัน ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการ ‘กลับตัว’ ครั้งใหม่ในตลาดคริปโต
ความคิดเห็น 0