บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1 ล้านบาท) อีกครั้ง ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของคริปโตลดลงต่ำกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยแม้การปรับฐานครั้งนี้จะเป็นเพียงครั้งที่สองนับตั้งแต่เริ่มต้นปี แต่ตลาดกลับตอบสนองในเชิงลบอย่างรุนแรง
ตามข้อมูลจาก CoinGlass เมื่อวันที่ 24 มีการชำระบัญชีโพสิชันคริปโตเป็นมูลค่าประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.4 หมื่นล้านบาท) ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นโพสิชันซื้อหรือ ‘ลองโพสิชัน’ ขณะที่ราคาของบิตคอยน์ลดลงต่ำสุดที่ 98,081 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.03 ล้านบาท) ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยจากแผนภูมิของ TradingView มีแท่งเทียนแดงต่อเนื่องถึง 16 แท่งในช่วงเวลา 15 นาที สะท้อนแรงซื้อที่หายไปอย่างชัดเจน
บรรยากาศในตลาดเปลี่ยนไปสู่ ‘ความกลัว’ อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน Santiment ระบุว่าสถานการณ์นี้ทำให้เกิด FUD หรือความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัยในหมู่ผู้ลงทุนรายย่อย เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในโซเชียลมีเดีย โดย ‘ความคิดเห็น’ จาก Santiment กล่าวถึงว่า “บ่อยครั้งความรู้สึกของฝูงชนมักสะท้อนกลับทิศทางราคา” พร้อมชี้ว่า ‘ความกลัวอย่างสุดขีด’ อาจเป็นสัญญาณของจุดต่ำสุดทางเทคนิค
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการร่วงครั้งนี้คือแรงขายจากผู้ถือระยะยาว โดย Glassnode รายงานว่าหลังจากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ในเดือนสิงหาคม ผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์เริ่มขายทำกำไรในระดับที่คล้ายกับช่วงปลายของตลาดกระทีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณแง่บวกให้เห็นอยู่บ้าง คริส คูเปอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยของ Fidelity Investment แสดงความเห็นว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์และทองคำยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะสำหรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน คุณสมบัติ ‘ไม่เคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับทรัพย์สินอื่น’ ถือว่าสำคัญมาก” เขายังเสริมว่า หาก ‘บิตคอยน์’ มีพฤติกรรมเหมือนสินทรัพย์ที่มีเลเวอเรจ นักลงทุนสถาบันอาจไม่จำเป็นต้องถือครองโดยตรง ดังนั้นความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวจึงเป็นสิ่งจำเป็น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าการปรับฐานครั้งนี้อาจเป็นเพียงระยะสั้น และอาจเปิดโอกาสสำหรับการเข้าซื้อในจังหวะราคาต่ำ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในตลาด และระดับแนวรับในรอบถัดไปจะเป็นปัจจัยชี้ขาดว่าราคาจะสามารถพลิกฟื้นได้แค่ไหนในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0