ทีมริซโซ(Team Rizzo) ผู้ดำเนินการซับเน็ตและบริการตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่ายบิทเทนเซอร์(Bittensor) ได้จัดทำประกันภัยมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 900 ล้านบาท) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ CoinDesk การทำประกันภัยในครั้งนี้นำโดย Native ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยเฉพาะทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องบริการตรวจสอบธุรกรรมและโครงการด้านแมชชีนเลิร์นนิงของบิทเทนเซอร์จากความเสียหายที่อาจเกิดจากการแฮ็กสมาร์ตคอนแทร็กต์ บิทเทนเซอร์เป็นเครือข่ายคริปโตที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์(AI) โดยนำกลไกฉันทามติแบบ ‘พิสูจน์การถือครอง’ (Proof-of-Stake) มาใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้ตรวจสอบธุรกรรมสามารถล็อกโทเคนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของเครือข่าย
ปัจจุบัน ภัยคุกคามจากการแฮ็กในภาคการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi) และการสเตกกิ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการมาตรการรักษาความปลอดภัยในอุตสาหกรรมคริปโตทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไบบิต(Bybit) ได้รับความเสียหายเป็นมูลค่าถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 54,000 ล้านบาท) จากการโจมตีที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือ
สำหรับบริษัทที่ให้บริการประกันภัยในครั้งนี้คือ Nexus Mutual ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2019 โดยใช้รูปแบบ ‘พูลโดยชุมชน’ เพื่อให้ความคุ้มครองความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์คริปโต Native ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญของ Nexus Mutual ยังให้บริการด้านการจัดทำสัญญาประกันภัยร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ รวมถึง Lloyd’s of London ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมประกันภัย
สิ่งที่น่าสนใจคือ การดำเนินการของประกันภัยครั้งนี้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาเพียง 4 สัปดาห์ ดัน รอสส์(Dan Ross) ผู้ร่วมก่อตั้ง Native กล่าวว่าการตกลงทำประกันภัยบนเครือข่ายบิทเทนเซอร์ถือเป็นครั้งแรก และทีมริซโซต้องการใช้เครื่องมือนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ เขายังเสริมว่า หากใช้ช่องทางประกันภัยแบบดั้งเดิม อาจต้องใช้เวลาถึง 3-6 เดือน แต่ด้วยกระบวนการของพวกเขา ทำให้สามารถทำข้อตกลงได้ภายใน 1 เดือน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรับมือกับความเสี่ยงของสมาร์ตคอนแทร็กต์
ในขณะที่การโจมตีทางไซเบอร์ในอุตสาหกรรมคริปโตยังคงดำเนินต่อไป แนวโน้มของโครงการที่ให้ความสำคัญกับเครื่องมือบริหารความเสี่ยง เช่น การประกันภัย อาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0