คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ตัดสินใจถอนฟ้องต่อ ‘คอยน์เบส(Coinbase)’, ‘คอนเซนซิส(Consensys)’ และ ‘เจมิไน(Gemini)’ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดคริปโต ขณะเดียวกัน สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมาย ‘MEME Act’ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกโทเคนประเภท ‘มีมคอยน์’
SEC เคยกล่าวหาว่า ‘คอนเซนซิส’ ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ‘เมตามาสก์(MetaMask)’ ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งบริษัท ‘โจเซฟ ลูบิน(Joseph Lubin)’ เปิดเผยว่า SEC ได้ตกลงถอนฟ้องและเหลือเพียงกระบวนการอนุมัติขั้นสุดท้าย ลูบินกล่าวว่า “ตอนนี้เราสามารถทุ่มเทให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีของเราอย่างเต็มที่” พร้อมย้ำว่าปี 2025 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทั้ง ‘อีเธอเรียม(ETH)’ และ ‘คอนเซนซิส’ ด้าน ‘บิล ฮิวจ์ส(Bill Hughes)’ ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท ระบุว่า การตัดสินใจของ SEC สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของหน่วยงานกำกับดูแล
ในอีกด้านหนึ่ง ‘แซม ลิคาร์โด(Sam Liccardo)’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต เตรียมเสนอร่างกฎหมาย ‘MEME Act (Modern Emoluments and Malfeasance Enforcement Act)’ เพื่อลดผลประโยชน์ทับซ้อนจากคริปโต กฎหมายนี้มุ่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี สมาชิกสภาคองเกรส ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงและครอบครัวของพวกเขา แสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินจากสินทรัพย์ดิจิทัล ลิคาร์โดกล่าวว่า “ตำแหน่งข้าราชการต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และไม่ควรถูกใช้เพื่อเป้าหมายส่วนตัว”
ขณะที่ ‘คาเมรอน วิงเคิลวอส(Cameron Winklevoss)’ ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘เจมิไน’ ยืนยันว่า SEC ได้ยุติการสอบสวนบริษัทแล้ว โดยไม่มีมาตรการลงโทษเพิ่มเติม ในอดีต SEC เคยตั้งข้อหาว่าโครงการ ‘Earn’ ของเจมิไนเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน อย่างไรก็ตาม จากเอกสารล่าสุด SEC ระบุว่าจะไม่ดำเนินคดีต่อ
ตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา SEC ดูเหมือนจะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนจุดยืนต่อภาคอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งการถอนฟ้องในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบสำคัญต่อแนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0