ธนาคารกลางแอฟริกาใต้ชี้ ‘คริปโต’ และ ‘สเตเบิลคอยน์’ เป็นความเสี่ยงการเงินใหม่ เตรียมปูทางสู่การออกมาตรการกำกับ
การเติบโตของผู้ใช้งานคริปโตและสเตเบิลคอยน์ในแอฟริกาใต้นำไปสู่ความกังวลด้านการควบคุมทางการเงิน หลังธนาคารกลางแห่งแอฟริกาใต้เผยว่าเริ่มมองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นความเสี่ยงใหม่ในระบบการเงิน พร้อมแสดงท่าทีอาจออกมาตรการกำกับในอนาคต
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของธนาคารกลางแอฟริกาใต้ในรายงานเสถียรภาพทางการเงินประจำฉบับที่สอง ปี 2025 ระบุว่า *คริปโตเคอร์เรนซี* และ *สเตเบิลคอยน์* ถูกจัดอยู่ในหมวดของ ‘นวัตกรรมทางการเงินเชิงเทคโนโลยีที่สร้างความเสี่ยงใหม่’ โดยเฉพาะการขยายตัวของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มคริปโตจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมเงินทุนและความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ
ข้อมูลจากรายงานระบุว่า ณ สิ้นปี 2024 มีผู้ใช้งานบน 3 แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ในแอฟริกาใต้รวมแล้วกว่า *7.8 ล้านราย* และมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองรวมกันสูงถึง *1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *2.2 ล้านล้านวอน* ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ธนาคารกลางยังแสดงความกังวลว่าลักษณะของคริปโตที่ ‘ไร้พรมแดนและมีพื้นฐานเป็นดิจิทัล’ อาจถูกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกฎควบคุมเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้มีการตรวจสอบและควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินเข้าออกประเทศ ทั้งนี้ แอฟริกาใต้มีระบบควบคุมเงินทุนที่เข้มงวด ส่งผลให้การใช้คริปโตอาจกลายเป็นช่องทางใหม่ในการเลี่ยงข้อจำกัดทางการเงินเหล่านี้
รายงานยังชี้ว่า การที่สินทรัพย์ดิจิทัลยังอยู่ในพื้นที่สีเทาของกฎหมาย อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงกับเสถียรภาพของระบบการเงินในภาพรวม แม้ว่าคริปโตและสเตเบิลคอยน์จะยังไม่ใช่ปัจจัยหลักที่นำไปสู่วิกฤตการเงินโดยตรง แต่จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังและวางกลยุทธ์เชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง
แนวทางของรัฐบาลแอฟริกาใต้ไม่ได้มาอย่างฉับพลัน โดยตั้งแต่ปี 2022 ประเทศได้ประกาศนิยาม *คริปโตเคอร์เรนซี* ให้เป็น ‘ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน’ ภายใต้การดูแลของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน พร้อมกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ
ความคิดเห็น: สัญญาณจากธนาคารกลางแอฟริกาใต้ครั้งนี้อาจกลายเป็นตัวอย่างสำคัญในระดับโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ระบบการเงินยังเปราะบาง ซึ่งบทบาทของคริปโตอาจท้าทายขอบเขตนโยบายและอำนาจการควบคุมของภาครัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากแนวโน้มนี้เดินหน้าไป การจัดการกับ *สเตเบิลคอยน์* และสินทรัพย์ดิจิทัลแบบรวมศูนย์อาจถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเทศที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด ทั้งในเชิงของการถือครองและการโอนย้ายสินทรัพย์ระหว่างกัน
ความคิดเห็น 0