อเลอา รีเสิร์ช (Alea Research) เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า ตลาดคริปโตในปัจจุบัน กำลังเผชิญ ‘ความไม่ตรงกันเชิงโครงสร้าง’ ระหว่างแรงจูงใจของนักลงทุนและโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะในโมเดลที่มีมูลค่า Fully Diluted Valuation (FDV) สูง แต่มีปริมาณโทเคนหมุนเวียนต่ำ ซึ่งกลายเป็นภาระต่อผู้ถือโทเคนที่ต้องเผชิญ ‘ความเสี่ยงจากการลดสัดส่วนการถือครอง’ และการทุ่มขาย (การดัมป์) โดยมีรายได้จริงไหลไปยังกลุ่มนอกเชน เช่น ทีมพัฒนา หรือมูลนิธิ
จากการวิเคราะห์ของอเลอา รีเสิร์ช โทเคนจากระบบการกำกับดูแล (Governance Token) ส่วนมากไม่ได้เชื่อมโยงสิทธิทางเศรษฐกิจของผู้ถือกับรายได้ของโปรโตคอลอย่างแท้จริง ส่งผลให้ผู้ถือโทเคนจำนวนมากไม่สามารถรับประโยชน์ด้านรายได้จากการสนับสนุนโครงการ ตัวอย่างที่ชี้ชัดคือข้อเสนอการแบ่งปันรายได้จากโทเคน UNI ของยูนิสวอป(Uniswap) ที่ล่าช้าเป็นเวลาหลายปี ขณะที่การเข้าซื้อ Tensor โดยคอยน์เบส(Coinbase) ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อผู้ถือโทเคน
ในฐานะทางเลือก MetaDAO ได้นำเสนอระบบโทเคนแบบใหม่ที่ใช้แนวคิด ‘Futarchy’ หรือ ‘ระบบตลาดทำนายควบคุม’ มารวมกับ Automated Market Maker (AMM) เพื่อจัดการการระดมทุน โครงสร้างนี้ออกแบบให้แรงจูงใจแต่แรกสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ ลดโอกาสการควบคุมโดยวงใน และเชื่อมโยงการไหลของเงินกับระบบโทเคนโดยตรง นักลงทุนมีระบบที่ชัดเจนด้านความโปร่งใสและความรับผิดชอบ ขณะที่ผู้พัฒนาได้รับเงินทุนเริ่มต้นภายใต้ค่าใช้จ่ายที่สามารถคาดการณ์ได้
MetaDAO เปิดตัว AMM ที่สร้างจากโมเดล Futarchy บนเครือข่ายโซลานา(Solana) เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2025 และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจนถึงขณะนี้มีปริมาณซื้อขายสะสมกว่า 147 ล้านดอลลาร์ และมีรายได้รายปีจากค่าธรรมเนียมประมาณ 4 ล้านดอลลาร์ โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะเข้าสู่กลไกการบริหารการเงินของ DAO ซึ่งควบคุมโดยผู้ถือโทเคน META ทั้งนี้อเลอา รีเสิร์ชคาดการณ์ว่า FDV ของโทเคนโดยเฉลี่ยใน MetaDAO สูงราว 400 ล้านดอลลาร์ และ META สร้างผลตอบแทนได้มากถึง 35 เท่า
นอกจากนี้ โครงสร้าง ‘Launch Infrastructure’ ที่ MetaDAO สร้างขึ้นได้สร้างกลไกป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบในตลาด ICO ที่มักเสี่ยงสูงและเกือบไม่มีผลตอบแทน โครงการของ MetaDAO มาพร้อมระบบคืนเงินและการแบ่งปันรายได้ที่เข้ารหัสไว้ในสมาร์ทคอนแทรกต์ จึงสามารถสร้างโมเดล ‘เปิดตัวที่ไม่มีวันถูกดึงพรม’ ได้จริง โดยโครงการต้นแบบอย่าง Umbra และ OMFG ต่างสร้างผลกำไรจากราคาทะยานสูงกว่า 7 เท่า
แม้ META จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีมูลค่าตลาดรวม (Market Cap และ FDV) ราว 130 ล้านดอลลาร์ และมีสภาพคล่องจำกัด แต่อเลอา รีเสิร์ชเชื่อว่า ความเล็กนี้กลับเปิดโอกาสให้เกิดการประเมินค่าราคาใหม่ในระยะสั้น โดยการจดทะเบียนในตลาดซื้อขายแบบศูนย์กลาง (CEX) และรายได้แบบกระจายที่ DAO ควบคุม กำลังส่งผลให้โทเคนมีลักษณะของ ‘ออปชันระยะยาว’ (Long-term Call Option)
ที่สุดแล้ว MetaDAO กลายเป็นต้นแบบของ ICO ยุคใหม่ที่ออกแบบมาเน้นที่ผู้ถือโทเคนเป็นศูนย์กลาง มากกว่าการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียวโดยเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนผ่านโครงสร้างการกำกับดูแล และการดึงดูดโครงการที่มีคุณภาพสูง จากรายงานของอเลอา รีเสิร์ช META กำลังพัฒนาตัวเองเป็น ‘กองทุนที่ซื้อขายได้’ (Tradeable Fund) ที่ค่าของมันจะสะท้อนตามผลงานของโครงการกว่า 10 รายภายในระบบอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม หาก MetaDAO ไม่สามารถกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของตลาด หรือไม่สามารถขยายธุรกรรมและรายได้ในทิศทางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง มูลค่าปัจจุบันของ META ก็อาจกลายเป็นจุดสูงสุดระยะสั้น กล่าวคือ ความน่าสนใจในการลงทุน META จะขึ้นอยู่กับศักยภาพการเติบโตของแพลตฟอร์ม และความเชื่อมั่นที่สร้างได้ในระยะยาว
*ความคิดเห็น*: ในสถานะที่ตลาดยังขาดกลไกระดมทุนที่โปร่งใสและสอดคล้องด้านแรงจูงใจ MetaDAO อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในวิวัฒนาการของตลาด ICO ยุคใหม่
ความคิดเห็น 0