เคสโตเดีย แบงก์ บริษัทธนาคารคริปโตจากรัฐไวโอมิงที่ก่อตั้งโดย แคธลีน ลอง(Kathleen Long) ผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) กลับมายื่นฟ้องคดีต่อ *ธนาคารกลางสหรัฐฯ* (Fed) อีกครั้ง โดยอ้างว่า *เฟด* ปฏิเสธการออกบัญชีมาสเตอร์(Master Account) ให้กับทางธนาคารอย่างไม่ชอบธรรม
เมื่อวันที่ 16 (เวลาท้องถิ่น) เคสโตเดียได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์รอบที่ 10 ของสหรัฐฯ เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่แบบ *‘en banc’* หรือให้ผู้พิพากษาทั้งชุดในศาลพิจารณาคดีร่วมกัน โดยมีเป้าหมายโต้แย้งคำพิพากษาเดิมเมื่อเดือนตุลาคมที่ยืนยันว่าเฟดสามารถปฏิเสธบัญชีมาสเตอร์กับบริษัทได้ตามสิทธิ์
ทางเคสโตเดียให้เหตุผลว่าคำตัดสินดังกล่าวตีความ “กฎหมายควบคุมเงินตรา” (Monetary Control Act) อย่างไม่ถูกต้อง และเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจของรัฐในการอนุญาตใบอนุญาตธนาคาร โดยมีข้อความในคำร้องว่า “หากเฟดปฏิเสธไม่ให้บัญชีมาสเตอร์กับสถาบันที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐเท่ากับปฏิเสธการตั้งธนาคารโดยปริยาย นำไปสู่ข้อกังขาทางรัฐธรรมนูญอย่างลึกซึ้งต่อโครงสร้างของเฟดเอง”
บัญชีมาสเตอร์ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่อนุญาตให้ธนาคารเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯโดยตรง หากไม่ได้รับอนุญาต ธนาคารอย่างเคสโตเดีย ซึ่งเป็นสถาบันการเงินแบบไม่ดั้งเดิม ต้องพึ่งพาธนาคารพาณิชย์อื่นเพื่อเข้าระบบชำระเงิน ทำให้ต้องเผชิญกับ ‘ต้นทุนสูงขึ้น, ความล่าช้า’ และ ‘ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น’ ขณะที่การมีบัญชีมาสเตอร์จะช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
เคสโตเดียจัดตั้งขึ้นในฐานะสถาบันเงินฝากเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (SPDI) ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐไวโอมิง โดยมีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สนับสนุนระบบคริปโต หากไม่ได้รับบัญชีมาสเตอร์จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจหลักได้ โดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารได้ยื่นคำขอบัญชีหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเฟดและธนาคารประจำภูมิภาคที่กำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
ข้อพิพาทครั้งนี้สะท้อนความขัดแย้งที่ยังดำเนินต่อระหว่าง *ภาคเอกชนสายคริปโต* กับหน่วยงานกำกับดูแลระดับชาติในด้าน *การเข้าถึงระบบการเงินของประเทศ* ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ *เงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง(CBDC)* เป็นหัวข้อร้อนด้านนโยบาย โดยกรณีของเคสโตเดียอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการกำหนดนโยบายในอนาคต
‘ความคิดเห็น’: กรณีของเคสโตเดียถือเป็นตัวอย่างสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทคริปโตถึงแม้จะได้รับใบอนุญาตจากรัฐ ก็ยังต้องเผชิญกับ “ด่านระบบกลาง” อย่างเฟดที่มีอำนาจตัดสินการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางการเงิน ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อแผนการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0