ทำเนียบขาวเตรียมผลักดันร่างกฎหมาย "Digital Asset Market Structure Clarification Act" หรือ *CLARITY* ซึ่งเป็นร่างกฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เตรียมมานาน และกำลังจะเข้าสู่การลงมติของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในต้นปีหน้า ทรัมป์ยังแสดงการสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ชัดเจน โดยชูว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยขจัดความไม่แน่นอนด้านกฎหมายของตลาดคริปโตในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น เดวิด แซกส์ (David Sacks) หัวหน้าฝ่ายนโยบายปัญญาประดิษฐ์และคริปโตของทำเนียบขาว เปิดเผยผ่าน X (เดิมชื่อ Twitter) ว่า ทิม สก็อตต์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภา และจอห์น บูซแมน ประธานคณะกรรมาธิการด้านเกษตรกรรม ได้ตกลงกำหนดเวลานำเสนอร่าง CLARITY ต่อที่ประชุมวุฒิสภาในเดือนมกราคมปีหน้า ตัวร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต แม้มีโอกาสผ่านภายในปีนี้ค่อนข้างน้อย แต่หากเข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาในต้นปีหน้า ก็มีแนวโน้มผลักดันให้กลายเป็นกฎหมายได้จริง
แซกส์ยังระบุว่า “ร่างกฎหมายปรับโครงสร้างตลาดคริปโต ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้ผลักดัน ถือว่ามีโอกาสผ่านมากกว่าที่เคย เมื่อถึงเดือนมกราคม เราจะผลักดันให้บรรลุเป็นกฎหมายแน่นอน” ซึ่งยิ่งตอกย้ำบทบาทของทรัมป์ในฐานะผู้ชูธงการกำกับดูแลตลาดคริปโตของสหรัฐฯ
เนื้อหาสำคัญของ *CLARITY* คือการกำหนดสถานะทางกฎหมายของสินทรัพย์คริปโตอย่างชัดเจน โดยแบ่งแยกสินทรัพย์เป็น ‘สินค้าโภคภัณฑ์’ และ ‘หลักทรัพย์’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ *บิตคอยน์(BTC)* ซึ่งจะได้รับการจัดประเภทเป็นสินทรัพย์เชิงสินค้า และยังก่อให้เกิดมาตรฐานใหม่สำหรับการออกโทเคนของบริษัทต่างๆ รวมถึงสร้างกรอบการกำกับดูแลที่แบ่งอำนาจระหว่างคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์แห่งสหรัฐฯ (*CFTC*) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (*SEC*) อย่างชัดเจน ความคาดหวังสำคัญคือ การที่ร่างกฎหมายนี้จะช่วยลดความไม่แน่นอนจากการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเกินไปของ SEC และเพิ่มความชัดเจนต่อตลาด
ขณะเดียวกัน ทรัมป์เองก็ยังคงชูนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างต่อเนื่องในแคมเปญเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งแตกต่างจากจุดยืนของ เกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ประธาน SEC ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของพรรคเดโมแครต จึงทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้าอาจเป็นปัจจัยตัดสินทิศทางของร่างกฎหมายนี้และภาพรวมกฎระเบียบในอนาคต
*ความคิดเห็น*: หากร่างกฎหมาย CLARITY ผ่านวุฒิสภาได้สำเร็จ อาจทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำด้านกรอบกำกับตลาดคริปโตที่ชัดเจนและเปิดกว้างที่สุดในระดับโลก เพิ่มความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนภายในและสถาบันต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0