วุฒิสภาสหรัฐฯ เปิดตัวร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อรับมือกับ ‘ภัยจากการหลอกลวงในวงการคริปโต’ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยร่างกฎหมายนี้มีชื่อว่า ‘SAFE คริปโต’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนแบบสองพรรคจากวุฒิสมาชิกเอลิซา สล็อทคิน(Elissa Slotkin) จากพรรคเดโมแครต และเจอร์รี โมแรน(Jerry Moran) จากพรรครีพับลิกัน
ตามข้อมูลจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ(FBI) เมื่อปี 2024 มูลค่าความเสียหายจากกลโกงการลงทุนในคริปโตภายในประเทศพุ่งถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 337,670 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่า *66% ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี* เท่านั้น
สาระสำคัญของร่างกฎหมาย SAFE คริปโต คือการจัดตั้งหน่วย *‘Task Force’ ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง หน่วยงานยุติธรรม หน่วยงานกำกับดูแล และภาคเอกชน* เพื่อระบุ ติดตาม และสกัดกั้นกิจกรรมที่เข้าข่ายฉ้อโกงในสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“มันจะช่วยให้เราสามารถระดมทรัพยากรทั้งหมดในการปราบปรามการฉ้อโกงในสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างจริงจัง” สล็อทคินกล่าวอย่างจริงจัง ขณะที่โมแรนเน้นย้ำว่า “เมื่อคริปโตแพร่หลาย สิ่งที่สำคัญยิ่งขึ้นคือการมีมาตรการคุ้มครองประชาชน”
กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกมากที่สุดคือ *ผู้สูงอายุ* โดยรายงานระบุว่า ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปได้รับความเสียหายรวมกว่า 2.84 พันล้านดอลลาร์ (ราว 42,072 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงรูปแบบการฉ้อโกงที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ‘บล็อกเชน’ หรือ ‘โทเคน’ โดยตรง แต่ใช้เพียงชื่อคริปโตเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา
แม้จะมีการรณรงค์จากทั้งรัฐบาลและองค์กรไม่แสวงหากำไร แต่กลโกงกลับยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะผ่าน ‘มีมคอยน์’, ‘ดีไฟน์(DeFi)’, หรือแม้แต่ ‘แอร์ดรอป’ ปลอม สร้างความลำบากให้กับนักลงทุนรายย่อยในการตรวจจับหรือหลีกเลี่ยง
กาบรีเอล ชาพิโร(Gabriel Shapiro) ที่ปรึกษากฎหมายจากบริษัทด้านการลงทุนคริปโต เดลไฟแล็บส์(Delphi Labs) แสดงความคิดเห็นว่า *“SAFE คริปโตจะสร้างแรงสั่นสะเทือนชนิดที่เหล่ามิจฉาชีพต้องหนีหาย”* พร้อมย้ำว่า การที่หน่วยงานระดับสูงอย่าง FinCEN และหน่วยลับสหรัฐฯ เข้ามาร่วมมือ ถือเป็นสัญญาณที่แข็งแรงของการควบคุมเชิงโครงสร้าง
หากกฎหมายฉบับนี้สามารถผ่านออกมาใช้งานจริง จะถือเป็นครั้งสำคัญที่การตรวจสอบคริปโตเข้าสู่ *ระดับนโยบายสาธารณะ* อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ยังคงมี *ข้อกังวลว่าร่างกฎหมายนี้อาจกลายเป็นภาระสำคัญต่อตัวอุตสาหกรรม* เอง จึงต้องมีการพัฒนากลไกการใช้งานที่ชัดเจนและสมดุล
*SAFE คริปโต* ถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการกำกับดูแลคริปโตในเชิงปฏิบัติ พร้อมส่งแรงกระเพื่อมต่อทั้ง *ตลาดในประเทศและทิศทางกฎระเบียบทั่วโลก*
‘ความคิดเห็น’: เมื่อรัฐบาลเตรียมผนึกกำลังกับเอกชนเพื่อรับมือการโกงคริปโต ไม่เพียงแต่จะกระทบโครงการหลอกลวง แต่ยังทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง *เว็บเทรดจะต้องยกระดับระบบป้องกัน เช่น KYC และ AML* ให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ความคิดเห็น 0