นักเทรดบิตคอยน์(BTC)เริ่มจับตามองการฟื้นตัวในระยะสั้น หลังจากดัชนีวัดความแข็งแกร่งของราคา (RSI) ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปี โดยข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ TradingView ชี้ให้เห็นว่าคู่ BTC/USD อยู่ในสถานะ 'ขายเกิน (Oversold)' อย่างรุนแรง ซึ่งในอดีตระดับนี้มักเป็นจุดเปลี่ยนกลับของแนวโน้มราคา
ดัชนี RSI รายสัปดาห์ของบิตคอยน์ลดลงจากระดับ 64 ในเดือนกันยายน ลงมาอยู่ที่ 35 ณ เวลาที่เขียนข่าว ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเมื่อเดือนมกราคม 2023 ขณะที่บิตคอยน์เคยซื้อขายอยู่แถว 15,500-17,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชื่อ Jelle แสดงความคิดเห็นผ่าน X เมื่อวันที่ 24 ว่า “มักเป็นช่วงที่ต้องจับตาให้ดี เราอาจใกล้จุดต่ำสุด หรืออาจกำลังเข้าสู่ความเจ็บปวดมากกว่านี้”
RSI มีระดับสำคัญอยู่ที่ 30 (ขายเกิน), 50 (กึ่งกลาง), และ 70 (ซื้อเกิน) ซึ่งนักเทรดใช้เพื่อประเมินโอกาสของแนวโน้มใหม่ ด้าน Mister Crypto ระบุผ่าน X ว่า "บิตคอยน์อยู่ในภาวะขายเกินที่สุดในวัฏจักรนี้" ซึ่งอิงจาก RSI แบบ Stochastic ที่แสดงในกราฟสองสัปดาห์ พร้อมเสริมว่า "โอกาสฟื้นยังมีสูง"
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยว่า RSI ต่ำหมายถึงโอกาสเด้งกลับทันที Lark Davis ยูทูบเบอร์คริปโต ได้เตือนว่าในปี 2018 และ 2022 บิตคอยน์ยังคงลงต่ออีก 49% และ 58% ตามลำดับ แม้อยู่ในภาวะขายเกินเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า “จุดต่ำสุดเหล่านี้อาจใช้เวลานานกว่าจะก่อตัว และมักเจ็บปวดกว่าที่เราคิด”
ในขณะที่ราคาปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 87,000 ดอลลาร์ บิตคอยน์อาจกำลังอยู่ในภาวะ 'ต่ำมูลค่า' จากข้อมูลของ CryptoQuant ที่ใช้ค่าดัชนี Network Value to Transaction (NVT) เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่าตลาดกับการใช้งานเครือข่าย วิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์ CryptoQuant นามว่า MorenoDV_ ระบุว่า ดัชนี NVT Golden Cross ลดลงแตะ -0.6 ซึ่งถือเป็นระดับที่สะท้อนการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงทางโครงสร้าง
แม้ล่าสุดค่า NVT จะปรับขึ้นมาเล็กน้อยเป็น -0.32 แต่ก็ยังอยู่ในเขตติดลบ MorenoDV_ ชี้ว่าสถานการณ์นี้แสดงถึงตลาดที่กำลังเข้าสู่ ‘ระยะสะสม’ และการค้นหาราคาตามพื้นฐานอย่างมีสุขภาพดีมากขึ้น
ในทางเดียวกัน นักวิเคราะห์ CryptosRus แสดงความคิดเห็นว่า ภาวะปัจจุบันที่มูลค่าตลาดลดต่ำกว่าการใช้งานจริง มีให้เห็นเพียงไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ของบิตคอยน์ โดยสองครั้งล่าสุด คือในเดือนเมษายน 2025 และช่วงตลาดขาลงปลายปี 2022 ซึ่งทั้งสองรอบนำไปสู่การพุ่งขึ้นของราคา 60% และ 350% ตามลำดับ
*หมายเหตุ: บทความนี้ไม่มีเจตนาให้คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่งและตัดสินใจด้วยตนเอง ทั้งนี้ Cointelegraph ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลในรายงานข่าวนี้*
ความคิดเห็น 0