วอชิงตันกำลังเดินหน้าอย่างช้าๆ แต่มั่นคงในการกำหนดแนวทางด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นสำหรับ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยธนาคาร’ โดยเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) สำนักงานประกันเงินฝากแห่งสหรัฐอเมริกา (FDIC) ได้เสนอกรอบการอนุมัติการออกสเตเบิลคอยน์ของธนาคารผ่านบริษัทในเครือ ภายใต้กฎหมาย GENIUS Act ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ว่าใครสามารถสร้างเหรียญดอลลาร์ดิจิทัลได้ และต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ใดบ้าง
ข้อเสนอนี้ปรากฏในเอกสารความยาว 38 หน้า ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของ FDIC โดยระบุว่า หากธนาคารใดต้องการออกสเตเบิลคอยน์เพื่อใช้ในการชำระเงิน พวกเขาจะต้องยื่นขออนุญาตผ่านบริษัทในเครือก่อน และจะอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างเข้มงวด ทั้งในส่วนของธนาคารแม่และบริษัทลูกผู้ออกเหรียญ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่กฎหมาย GENIUS Act กำหนดไว้ เช่น มาตรฐานการออกเหรียญ การสนับสนุนด้วยทุนสำรอง และกลไกการขอรับเงินคืน เหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ก่อนจะมีการตราเป็นกฎเกณฑ์อย่างเป็นทางการ
การเคลื่อนไหวของ FDIC เพื่อออกแบบกรอบกฎหมายให้กับสเตเบิลคอยน์ที่เชื่อมโยงกับธนาคาร ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณชัดเจนของกระแสการปรับตัวเข้าสู่โลกสถาบันในวงการคริปโต และแนวโน้มนี้ก็สอดคล้องกับมิติอื่นๆ อย่างการที่บริษัทต่างๆ ยังคงเดินหน้าสะสมบิตคอยน์(BTC) แม้ราคาของเหรียญจะผันผวนก็ตาม
ล่าสุด บริษัทด้านการขุดและถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง อเมริกัน บิตคอยน์ (American Bitcoin) ที่มีความเชื่อมโยงกับตระกูลทรัมป์ ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 20 บริษัทที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก โดยมีบิตคอยน์ในครอบครองรวมกว่า 5,098 BTC คิดเป็นมูลราว 452 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าบริษัท ProCap Financial ซึ่งก่อตั้งโดย แอนโทนี พอมเปลียโน(Anthony Pompliano) การเพิ่ม BTC มากกว่า 1,000 เหรียญตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นการแข่งขันที่เริ่มร้อนแรงขึ้นระหว่างบริษัทต่างๆ ที่ต้องการครอบครองทรัพย์สินดิจิทัลนี้มากขึ้น แม้ว่าหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนใน Nasdaq ผ่านการควบรวมกับ Gryphon Digital Mining จะมีความผันผวนสูง ตามลักษณะของหุ้นตัวแทนบิตคอยน์ก็ตาม
ขณะเดียวกัน Anchorage Digital อีกหนึ่งบริษัทด้านคริปโตที่มีธนาคารอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลางสหรัฐ ก็ประกาศเข้าซื้อกิจการแพลตฟอร์มที่ให้บริการนักลงทุนในนาม Securitize For Advisors (SFA) ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้บริการนักวางแผนการเงินที่ขึ้นทะเบียน (RIA) โดยก่อนหน้านี้ SFA ได้ใช้โครงสร้างของ Anchorage สำหรับเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้ว การควบรวมครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อรวมบริการ custody เข้ากับเครื่องมือการให้คำปรึกษาทั้งหมดไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ถือเป็นการขยายเครือข่ายของ Anchorage ในภาคการเงินอย่างเป็นระบบ
ในอีกฟากหนึ่งของโลก ราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ถือครองบิตคอยน์รายใหญ่ของโลก ก็ได้ประกาศแผนใช้บางส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองอยู่ มาสนับสนุนโครงการ Gelephu Mindfulness City เมืองแห่งสติที่ตั้งใจให้เป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ โดยมุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืน นวัตกรรม และการสร้างงานในท้องถิ่น รัฐบาลภูฏานระบุว่าขณะนี้ประเทศมีบิตคอยน์อยู่มากกว่า 11,000 BTC และจะใช้เหรียญเหล่านี้อย่างมีสติ ระมัดระวัง และภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่เข้มงวด ภายใต้วัตถุประสงค์หลักคือ ‘การรักษามูลค่าทุนในระยะยาว’
การขยับตัวพร้อมกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะจากมุมของผู้กำกับดูแล บริษัทเอกชน หรือรัฐบาล กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่กำหนดทิศทางคริปโตในระดับโลกอย่างชัดเจน ‘สเตเบิลคอยน์’ กำลังเข้าใกล้ความถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่บิตคอยน์ยังคงเป็นสมบัติที่ต่างฝ่ายต่างพยายามช่วงชิงเพื่อวางรากฐานในโลกใหม่แห่งการเงินดิจิทัล
ความคิดเห็น 0