รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลการโอนเงินผ่านคริปโตแม้ในวงเงินต่ำ โดยล่าสุดมีแผนจะขยายขอบเขตของกฎ ‘การเดินทางของข้อมูล’ (Travel Rule) ให้ครอบคลุมธุรกรรมที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 แสนวอน (ราว 2,700 บาท) ซึ่งเดิมไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าว
เมื่อวันที่ 29 ที่ผ่านมา สำนักงานวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของเกาหลีใต้ (FIU) ได้จัดประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการรายงานและใช้ข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้เก็บและแบ่งปันข้อมูลของผู้โอนและผู้รับ ทั้งชื่อและที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโต แม้ในธุรกรรมจำนวนน้อย ซึ่งแต่เดิมถือเป็น ‘ช่องโหว่’ ของมาตรการป้องกันฟอกเงิน
‘กฎการเดินทางของข้อมูล’ เป็นมาตรฐานระดับสากลที่มุ่งควบคุมการฟอกเงินผ่านคริปโต โดยบังคับให้มีการเปิดเผยข้อมูลตัวตนเมื่อมีการถอนหรือฝากสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ที่ผ่านมา บรรดาอาชญากรเริ่มใช้วิธีที่เรียกว่า ‘Smurfing’ หรือ การแยกเงินจำนวนมากออกเป็นธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
หน่วยงานกำกับดูแลของเกาหลีใต้มองว่า การโอนคริปโตในจำนวนต่ำเริ่มถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด การหลีกเลี่ยงภาษี และการเคลื่อนย้ายทุนอย่างผิดกฎหมายข้ามชาติ ดังนั้น การตรวจสอบธุรกรรมขนาดเล็กจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการปิดช่องว่างของกฎหมาย
ขณะเดียวกัน FIU ยังอยู่ระหว่างพิจารณานำมาตรการ ‘อายัดบัญชีชั่วคราว’ มาใช้ โดยหากพบว่ามีหลักฐานที่เพียงพอเกี่ยวกับธุรกรรมต้องสงสัย จะสามารถระงับบัญชีเป้าหมายได้ทันก่อนที่เงินจะถูกโอนไปยังบัญชีอื่นหรือออกนอกประเทศ
รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีแผนขยายขอบเขตของผู้ที่ต้องรับผิดชอบภายใต้กฎหมายป้องกันการฟอกเงินให้รวมถึงกลุ่มวิชาชีพ เช่น ทนายความ และนักบัญชี ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเงินทุนผ่านธุรกรรมซับซ้อน ทั้งนี้ เพื่อปิดช่องว่างในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อาจมีส่วนร่วมโดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ สำนักงานกำกับการเงินของเกาหลียังได้แนะนำให้แพลตฟอร์มคริปโตในประเทศติดตั้งระบบเฝ้าระวังธุรกรรมตลอด 24 ชั่วโมง และหากพบความผิดปกติ ต้องรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
อีกด้านหนึ่ง เกาหลียังขยายความร่วมมือระดับนานาชาติ โดยล่าสุดได้เข้าร่วม ‘กรอบการแบ่งปันข้อมูลการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล’ (Crypto-Asset Reporting Framework) ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งจะเปิดทางให้ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายคริปโตข้ามพรมแดนสามารถแบ่งปันกับหน่วยงานภาษีของแต่ละประเทศได้ในรูปแบบมาตรฐาน
ภายใต้กรอบดังกล่าว เกาหลีใต้เตรียมเริ่มเก็บประวัติธุรกรรมตั้งแต่ปี 2026 และเริ่มใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติกับประเทศพันธมิตรในปี 2027 ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ผู้ประกอบการคริปโตในต่างประเทศที่ให้บริการแก่ผู้ใช้งานเกาหลีต้องลงทะเบียนล่วงหน้ากับธนาคารกลางและรายงานธุรกรรมเป็นประจำ
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้เพิ่มเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ถือหุ้นใหญ่ในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต โดยหากเคยมีประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับภาษีหรืออาชญากรรมทางการเงิน จะไม่สามารถเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ ทั้งนี้เพื่อยกระดับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของตลาดภายในประเทศ
*ความคิดเห็น: การขยายกฎ ‘การเดินทางของข้อมูล’ ไปยังธุรกรรมขนาดเล็กจะส่งผลโดยตรงต่อแพลตฟอร์มซื้อขายในเกาหลีใต้ที่ต้องลงทุนในระบบบันทึกข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็น่าจะช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของตลาดท้องถิ่นและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในระยะยาว*
ความคิดเห็น 0