บริษัทวิจัยบล็อกเชน ‘โฟร์ พิลลาร์ส’ (Four Pillars) เปิดเผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับ ‘ฟรากเมตริก’ (Fragmetric) โปรโตคอลริควิดรีสเตคกิ้งที่ใช้เครือข่าย ‘โซลานา’(SOL) ซึ่งสามารถแก้ไขข้อจำกัดของโมเดลรีสเตคกิ้งของ ‘อีเธอเรียม’(ETH) ได้
รีสเตคกิ้งเป็นแนวทางที่นำสินทรัพย์ที่ถูกสเตคไว้มาใช้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความปลอดภัยของเครือข่าย ซึ่งได้เติบโตอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ปี 2023 และมีบทบาทสำคัญในระบบดิไฟน์(DeFi) ปัจจุบัน โปรโตคอลรีสเตคกิ้งรายใหญ่ เช่น ‘ไอเกนเลเยอร์’ (EigenLayer) และ ‘ซิมไบโอติก’ (Symbiotic) มีมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกล็อกไว้ (TVL) รวมกันกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีการใช้งานหลักอยู่บนเครือข่ายอีเธอเรียม อย่างไรก็ตาม ‘โฟร์ พิลลาร์ส’ ตั้งข้อสังเกตว่า รีสเตคกิ้งบนอีเธอเรียมยังคงเผชิญกับปัญหาด้าน ‘การขยายตัว’ และ ‘แรงกดดันจากการขายโทเคน AVS’
ฟรากเมตริกพยายามแก้ไขปัญหานี้โดยออกแบบระบบรีสเตคกิ้งรูปแบบใหม่ที่ใช้วิธีเฉพาะของเครือข่ายโซลานา จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือ ‘การติดตามการมีส่วนร่วมแบบออนเชน’ ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์และให้รางวัลแก่ผู้สเตคได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังใช้ ‘ความเร็วในการประมวลผลสูงของโซลานา’ เพื่อลดค่าธรรมเนียม และสร้างสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพกว่าสำหรับการรีสเตคกิ้ง ทำให้สามารถลดแรงกดดันจากการขายโทเคนที่มากเกินไป
ปัจจุบัน TVL ของฟรากเมตริกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการร่วมมือกับโปรโตคอลดิไฟน์บนโซลานาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ระบบ MEV ‘จีโต ทิปเราต์เตอร์’ (Jito Tiprouter) กำลังใช้งานฟรากเมตริกอยู่ นอกจากนี้ ‘สวิตช์บอร์ด’ (Switchboard) แพลตฟอร์มออราเคิล และ ‘โซนิค’ (Sonic) ผู้พัฒนา ‘ไฮเปอร์กริด’ (Hypergrid) ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการบูรณาการ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินบนโซลานาที่มีขอบเขตกว้างขึ้น
‘โฟร์ พิลลาร์ส’ ให้ความเห็นว่า “ค่าธรรมเนียมต่ำและประสิทธิภาพสูงของโซลานาเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยเร่งการเติบโตของฟรากเมตริก” พร้อมเสริมว่า “ด้วยแนวทางที่แตกต่างจากรีสเตคกิ้งบนอีเธอเรียม ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของฟรากเมตริกอาจช่วยขยายตลาดรีสเตคกิ้ง และทำให้เครือข่ายโซลานามีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
ความคิดเห็น 0