รัฐบาลโมร็อกโกคุมเข้มการใช้คริปโตในการทำธุรกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อลดปัญหาการไหลออกของเงินทุนอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นมาตรการตอบสนองต่อแนวโน้มการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น
ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น Hespress สำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของโมร็อกโกกำลังตรวจสอบกรณีที่ประชาชนเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ เช่น สเปน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) โดยละเมิดกฎหมายภายในประเทศ กระบวนการตรวจสอบนี้อยู่ภายใต้แผนกควบคุมและกำกับดูแลของสำนักงานฯ ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากรายงานของหน่วยงานต่างประเทศเกี่ยวกับอาชญากรรมทางการเงินและกระแสเงินทุนผิดกฎหมาย
ตามกฎหมายของโมร็อกโก การเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศต้องดำเนินการผ่านระบบการเงินที่ได้รับการควบคุมและต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้ลงทุนบางรายใช้ ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘เทเธอร์(USDT)’ เพื่อเลี่ยงระเบียบเหล่านี้และทำธุรกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ส่งผลให้ทางสำนักงานฯ ขยายการสืบสวนไปถึงบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่ให้บริการแก่ชาวโมร็อกโก โดยใช้คริปโตเป็นช่องทางในการทำธุรกรรม
โมร็อกโกประกาศห้ามใช้คริปโตอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2017 เพื่อป้องกันอาชญากรรมด้านฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่าประชากรชาวโมร็อกโกที่ถือครองคริปโตเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6 ล้านคน และอัตราการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นถึง 60% ตั้งแต่ปี 2019 เพื่อตอบสนองต่อกระแสนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางของโมร็อกโกหรือ ‘Bank Al-Maghrib’ เปิดเผยว่ากำลังเตรียมข้อบังคับเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากมาตรการควบคุมคริปโตแล้ว รัฐบาลโมร็อกโกยังผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขของประเทศได้ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพของเด็กในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และลดค่าใช้จ่าย
แม้ว่ามาตรการควบคุมจะเข้มงวดขึ้น แต่การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในโมร็อกโกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อนาคตของตลาดคริปโตในประเทศจะขึ้นอยู่กับทิศทางของการบังคับใช้กฎหมายและการปรับตัวของภาครัฐต่อเทคโนโลยีทางการเงินนี้
ความคิดเห็น 0