ประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวให้การสนับสนุนโครงการการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่ชื่อ ‘เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล’ (World Liberty Financial, WLF) ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า WLF ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ารวม 20 ล้านดอลลาร์ ก่อนการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาว
ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พบว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับ WLF ได้ทำการซื้อ ‘อีเธอเรียม’ (ETH) มูลค่า 10.1 ล้านดอลลาร์, ‘บิตคอยน์ห่อหุ้ม’ (WBTC) มูลค่า 9.9 ล้านดอลลาร์ และ ‘โทเค็นมูฟเมนต์เน็ตเวิร์ก’ (MOVE) มูลค่า 1.68 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การลงทุนในคริปโตอย่างต่อเนื่องของ WLF ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
WLF ตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ถือครองคริปโตสามารถทำธุรกรรมและรับผลตอบแทนโดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงินแบบรวมศูนย์ เอริก ทรัมป์ ได้เคยกล่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า "WLF จะปฏิวัติ DeFi และ CeFi และจะเป็นอนาคตของการเงิน"
แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวทรัมป์ แต่ก็เผชิญกับข้อครหามาโดยตลอด โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Blockworks รายงานว่า WLF ได้พยายามแลกเปลี่ยนโทเค็นโครงการอื่นเพื่อขายโทเค็นของตัวเอง (WLFI) อย่างไรก็ตาม WLF ได้ชี้แจงว่า "เราไม่ได้ขายโทเค็น เป็นเพียงกระบวนการปรับโครงสร้างสินทรัพย์เท่านั้น"
ช่วงเวลาของการเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาว ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม โดยที่ประชุมนี้จะมีการหารือนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงแนวทางการจัดสรรเงินสำรองในรูปของคริปโต
นอกจากนี้ เดวิด แซกส์ ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายคริปโตของทำเนียบขาว ได้แสดงความเห็นว่าการที่รัฐบาลขายบิตคอยน์ในอดีตทำให้สหรัฐสูญเสียโอกาสทางการเงินไปกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลทรัมป์อาจเสนอให้มีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นกลยุทธ์ระดับประเทศ
ความคิดเห็น 0