ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศแผนสำรองคริปโตเคอเรนซีระดับชาติของสหรัฐฯ แต่ตลาดคริปโตก็ยังคงอยู่ในช่วงขาลง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) รวมถึงกองทุนคริปโตสำคัญอื่น ๆ มีการไหลออกของเงินทุนสุทธิรวมประมาณ 876 ล้านดอลลาร์
จากรายงานของ ‘คอยน์แชร์ส(CoinShares)’ ระบุว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (ETP) มีเงินทุนไหลออกมากถึง 4.75 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าการไหลเข้าสุทธิของปีนี้ลดลงเหลือเพียง 2.6 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ กองทุนคริปโตของบริษัทหลักอย่าง ‘แบล็คร็อก’, ‘ฟิเดลิตี’ และ ‘เกรย์สเกล’ ก็มีการถอนตัวของเงินทุนจำนวนมาก
แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศแผนสะสมบิตคอยน์ในระดับประเทศ แต่นักลงทุนกลับไม่ตอบรับแง่บวกมากนัก เนื่องจากนโยบายภาษีศุลกากรล่าสุดที่เพิ่มความไม่แน่นอน คำอธิบายจาก ‘เจมส์ บัตเตอร์ฟิลด์’ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของคอยน์แชร์ส ระบุว่า "แม้ว่าความเร็วของเงินทุนไหลออกจะเริ่มชะลอตัวลง แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงอ่อนตัว"
แนวโน้มการถอนเงินทุนไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังพบได้ในตลาดหลักของยุโรปและแคนาดา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทรัมป์ยังคงมีจุดยืนแข็งกร้าวในด้านการค้ากับจีน แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการตลาดเสรีของ Fed (FOMC) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม ข้อมูลจาก ‘CME FedWatch’ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำเพียง 3%
แม้ว่ารัฐบาลของทรัมป์จะมีท่าทีสนับสนุนคริปโต แต่อิทธิพลของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด ในระยะยาว นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามแนวทางปฏิบัติของรัฐบาล รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0