Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ไมเคิล เซย์เลอร์ บนปก Forbes หุ้นไมโครสแตรทีจี(MSTR) ดิ่งกว่า 30% ท่ามกลางแรงขาย

Tue, 11 Mar 2025, 04:39 am UTC

ไมเคิล เซย์เลอร์ บนปก Forbes หุ้นไมโครสแตรทีจี(MSTR) ดิ่งกว่า 30% ท่ามกลางแรงขาย / Tokenpost

ไมเคิล เซย์เลอร์ ปรากฏบนปก Forbes หุ้นไมโครสแตรทีจี(MSTR) ร่วงกว่า 30%

ตามข้อมูลจาก Yahoo Finance หุ้นของไมโครสแตรทีจี(MSTR) ดิ่งลงจาก 340.09 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม เหลือ 238.25 ดอลลาร์ ในวันที่ 10 มีนาคม คิดเป็นการลดลงกว่า 30% โดยเฉพาะในวันที่ 10 มีนาคม หุ้นร่วงลงถึง 17% ท่ามกลางแรงขายหุ้นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นทั่วตลาด ขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq ก็ร่วงลงกว่า 4% โดยมีปัจจัยกดดันจากการที่ธนาคารกลางแห่งแอตแลนตา คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาสแรกของปี 2025 อาจหดตัวถึง -2.4% ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ‘Fear & Greed Index’ ของ CNN ยังลดลงเหลือเพียง 16 ซึ่งสะท้อน ‘ความกลัวอย่างรุนแรง’ ในตลาด

แม้จะเผชิญกับการปรับฐานของราคาหุ้น ไมโครสแตรทีจียังคงยึดมั่นในกลยุทธ์สะสมบิตคอยน์(BTC) โดยในวันเดียวกัน บริษัทประกาศระดมทุนเพิ่มเติมถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ซื้อบิตคอยน์และใช้เป็นเงินทุนดำเนินงาน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไมโครสแตรทีจีเพิ่งเข้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 20,356 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์

ในขณะเดียวกัน ราคาบิตคอยน์เองก็ประสบการปรับฐานครั้งรุนแรงในสัปดาห์ของวันที่ 10 มีนาคม อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเฉลี่ยของบิตคอยน์ที่ไมโครสแตรทีจีถือครองอยู่ที่ 66,423 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงสูงกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ 18.9%

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่บุคคลซึ่งเคยปรากฏบนปก Forbes ต้องเผชิญกับปัญหาตามมา เช่น แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ อดีตซีอีโอของ FTX ซึ่งเคยได้รับการกล่าวถึงใน Forbes ก่อนจะถูกตัดสินจำคุกถึง 25 ปี

นโยบายการสะสมบิตคอยน์ของไมโครสแตรทีจี ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในอุตสาหกรรม โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่านี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ในสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเตือนถึงความเสี่ยงจากเลเวอเรจสูง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว นักลงทุนคริปโตรายหนึ่งให้ความเห็นว่า “ไมโครสแตรทีจีกำลังใช้เลเวอเรจแบบไม่จำกัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อบิตคอยน์ในอนาคต” อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญอีกรายยังเสริมว่า “หากราคาบิตคอยน์ร่วงหนักโดยไม่คาดคิด มันอาจกระทบต่อเสถียรภาพของไมโครสแตรทีจีโดยตรง”

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้เริ่มถูกนำไปใช้โดยบริษัทอื่นๆ มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมตาแพลนิตของญี่ปุ่น ซึ่งหันมาใช้กลยุทธ์สะสมบิตคอยน์ และสามารถทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 4,800% ในช่วงเวลา 12 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอุตสาหกรรม

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1