อีเธอเรียม(ETH) ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยอาจปรับฐานลงไปที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ว่า ‘การไหลออกของเงินทุนจาก ETF’ และ ‘ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน’ ส่งผลลบต่อภาวะตลาดโดยรวม
จากข้อมูลของ TradingView อีเธอเรียมแตะระดับ 4,100 ดอลลาร์ในวันที่ 16 ธันวาคมปีที่แล้ว แต่ร่วงลงมากว่า 53% นับตั้งแต่นั้น นักวิเคราะห์จากบิทฟิเน็กซ์(Bitfinex) ระบุว่า ‘ค่าธรรมเนียมที่สูง’ ทำให้กิจกรรมของนักพัฒนาลดลง ส่งผลให้การเติบโตของเครือข่ายชะลอตัว และเป็นปัจจัยที่กดดันราคาต่อไป
ตลาดคริปโตโดยรวมก็ยังอยู่ในช่วงขาลง โดยมีการวิเคราะห์ว่า ‘มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ’ อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ และกระตุ้นให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม ออเรลี บาร์เธเร(Aurelie Barthere) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของนันเซน(Nansen) คาดการณ์ว่า ‘บิตคอยน์(BTC) อาจปรับฐานลงไปที่ 70,000 ดอลลาร์’ และมองว่าตลาดอาจเข้าสู่ ‘วงจรการปรับฐานเชิงมหภาค’ ที่แตกต่างจากเทรนด์แบบ 4 ปีในอดีต
ด้านอีเธอเรียม ETF มีการไหลออกของเงินทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของราคา สเตลลา ซลาตาเรวา(Stella Zlatareva) บรรณาธิการแห่งแพลตฟอร์มการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล 'เน็กโซ(Nexo)' เน้นว่า ‘ETH ร่วงลง 20% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และทะลุระดับแนวรับสำคัญที่ 2,200 ดอลลาร์ ซึ่งเคยเป็นจุดยืนมาตั้งแต่ปี 2022’ นอกจากนี้ จากข้อมูลของ 'โซโซแวลู(Sosovalue)' พบว่า ETF อีเธอเรียมที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ มีเงินทุนไหลออกต่อเนื่องกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียว มีเงินทุนไหลออกมากถึง 119 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,738 พันล้านวอน
อย่างไรก็ตาม บางสถาบันก็ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มระยะยาวของอีเธอเรียม บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่าง 'แวนเอ็ก(VanEck)' คาดการณ์ว่า ‘ETH อาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 6,000 ดอลลาร์ภายในต้นปีหน้า’ และในช่วงเวลาเดียวกัน ‘BTC อาจทะลุ 180,000 ดอลลาร์’
ความคิดเห็น 0