บิตคอยน์(BTC) เพิ่งเผชิญกับการปรับฐานที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับโอกาสในการร่วงลงต่อไป อย่างไรก็ตาม ข้อมูลออนเชนบางส่วนชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการฟื้นตัว ซึ่งเป็นประเด็นที่บริษัทวิเคราะห์ตลาดอย่าง ‘แซนติเมนต์(Santiment)’ ได้เน้นย้ำ
ตามรายงานของแซนติเมนต์ แม้ตลาดยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับมหภาคและความผันผวนทางการเงินทั่วโลก แต่การซื้อสะสมของ ‘วาฬ’ หรือกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงดัชนี ‘ความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัย’ (FUD) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาจเป็นปัจจัยบวกได้ ทางบริษัทระบุว่า "ตลาดคริปโตยังไม่ได้พังทลาย" โดยชี้ให้เห็นว่า หลังจากที่บิตคอยน์แตะระดับสูงสุดตลอดกาล(ATH) ที่ 109,000 ดอลลาร์ในช่วงก่อนการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนมกราคม ราคาก็ได้เผชิญกับการปรับฐาน
แม้บิตคอยน์กำลังเผชิญกับแนวโน้มขาลง แต่แซนติเมนต์พบว่ากลุ่มนักลงทุนระดับ ‘วาฬ’ และ ‘ฉลาม’ ยังคงเดินหน้าสะสมเหรียญ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลระบุว่า หลังจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง นักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มปรับลดปริมาณการถือครองลง และการซื้อเริ่มชะลอตัวตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ราคามีความผันผวนมากขึ้น แม้ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ปริมาณการถือครองบิตคอยน์เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ยังมีบิตคอยน์จำนวนมากถูกโอนไปยังเว็บเทรด ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาในระยะสั้น
ในช่วงเวลาดังกล่าว ปริมาณบิตคอยน์ที่ถูกโอนไปยังเว็บเทรดมีจำนวนรวม 22,702 BTC หรือคิดเป็น 0.11% ของอุปทานทั้งหมด ปกติแล้วการไหลเข้าของสินทรัพย์ไปยังเว็บเทรดมักบ่งชี้ถึงแรงกดดันในการขาย ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มขาลงเพิ่มเติม ขณะที่แซนติเมนต์แนะนำให้นักลงทุนระยะสั้นติดตามระดับของ FOMO (Fear of Missing Out - ความกลัวพลาดโอกาส) และ FUD อย่างต่อเนื่อง
ในด้านของแนวโน้มจากโซเชียลมีเดีย พบว่าการคาดการณ์ว่าบิตคอยน์จะปรับตัวลงสู่ช่วงระหว่าง 50,000 - 69,000 ดอลลาร์ มีมากกว่าการคาดการณ์ว่าราคาจะพุ่งเหนือ 100,000 ดอลลาร์ ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าตลาดมักเคลื่อนที่สวนทางกับกระแสความเห็นของนักลงทุน โดยแซนติเมนต์มองว่านี่อาจเป็นสัญญาณเชิงบวก
ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา นักลงทุนระยะสั้นบันทึกการขาดทุนเฉลี่ย 11% ขณะที่ผู้ถือครองระยะยาว (1 ปี) เผชิญการขาดทุน 5% แม้ว่ายังไม่ถึงระดับขาดทุนในช่วงตลาดหมีครั้งใหญ่ที่ผ่านมา แต่โอกาสที่ตลาดจะดีดตัวกลับหลังจากผ่านการปรับฐานเพิ่มเติมยังคงมีอยู่
แซนติเมนต์สรุปว่า แม้อาจมีแรงกดดันจากการเทขายเพิ่มเติมก่อนที่ตลาดจะกลับมาเป็นขาขึ้น แต่ "ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดมักเป็นสัญญาณว่ารุ่งอรุณกำลังจะมาถึง"
ความคิดเห็น 0