ฮ่องกงกำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเว็บ3 ระดับโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามรายงานล่าสุดของ Tiger Research คาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 ฮ่องกงจะมีกรอบกำกับดูแลเว็บ3 ที่ครอบคลุมที่สุดในโลก โดยมีการเปิดตัวกองทุน ETF สำหรับคริปโต การปรับปรุงระบบกฎระเบียบ และการขยายโครงสร้างพื้นฐานของโครงการต่างๆ ซึ่งจะทำให้บทบาทของฮ่องกงในตลาดเอเชียมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในภาคการเงิน ฮ่องกงทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตลาดฝั่งตะวันออกและตะวันตกมาตลอด ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ฮ่องกงได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ โดยมีบทบาทเป็นจุดเชื่อมระหว่างตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดโลก ล่าสุด รัฐบาลฮ่องกงกำลังดำเนินนโยบายเพื่อก้าวไปอีกขั้น เช่น การออกใบอนุญาตให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล(VASP) และการกำหนดกรอบกำกับดูแลเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ที่ใช้เงินตราจริงเป็นหลัก พร้อมนำแนวทางใหม่ที่มุ่งสมดุลระหว่างการคุ้มครองนักลงทุนและนวัตกรรมด้านตลาด ด้าน Tiger Research มองว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งเปิดตัวระหว่างงาน Consensus 2025 จะเป็นตัวกระตุ้นให้เว็บ3 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ขณะเดียวกัน ตลาดกองทุน ETF สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในเดือนเมษายน 2024 ฮ่องกงกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่อนุมัติกองทุน ETF ที่ลงทุนใน ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ในรูปแบบสินทรัพย์จริง ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ปัจจุบัน มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของกองทุน ETF ในฮ่องกงอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ แต่มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก หากสามารถดึงดูดเงินทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาสู่ตลาด
ด้านสภาพแวดล้อมการซื้อขายคริปโต ฮ่องกงกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น ซึ่งแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง(SFC) จะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างถูกกฎหมาย โดยปัจจุบันการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงดำเนินผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุมัติแล้ว เช่น OSL และ HashKey รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ อีก 8 รายที่รออนุมัติ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับความสนใจจากแพลตฟอร์มระดับนานาชาติอย่าง Gate.io ที่ขยายธุรกิจโดยเปิดตัว Gate.HK เพื่อเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาด ด้าน Tiger Research วิเคราะห์ว่า การขยายตัวของแพลตฟอร์มซื้อขายระดับโลกจะช่วยให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงเติบโตขึ้น
การโทเค็นสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง(RWA) ก็กำลังเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลางฮ่องกง(HKMA) และ SFC โดยธนาคารชั้นนำ เช่น HSBC, แบล็คร็อก และสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กำลังทดสอบการออกโทเค็นของสินทรัพย์ทางการเงิน ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ฮ่องกงเป็นประเทศแรกที่ออกพันธบัตรดิจิทัลที่รองรับหลายสกุลเงิน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการผสานเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับระบบการเงินแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ZA Bank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง กำลังขยายบริการด้านคริปโตอย่างต่อเนื่อง
ในแง่ของระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนาและผู้สร้างนวัตกรรมด้านเว็บ3 ฮ่องกงกำลังกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญ เช่น ไซเบอร์พอร์ต ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของฮ่องกง ได้ให้การสนับสนุนโครงการเว็บ3 มากกว่า 270 โครงการ พร้อมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกว่า 50 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีข้อได้เปรียบด้านที่ตั้ง เพราะอยู่ติดกับเซินเจิ้น ทำให้สามารถดึงดูดบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีทักษะสูงจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ ขณะที่บริษัทบล็อกเชนระดับโลก เช่น โพลกาดอท และ โซลานา ก็กำลังเข้ามาสร้างชุมชนนักพัฒนาในฮ่องกง
โดยสรุป ฮ่องกงกำลังใช้โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปรับปรุงกรอบกำกับดูแล และสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตในโลกของเว็บ3 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง เช่น ขนาดตลาดภายในประเทศที่ยังค่อนข้างจำกัดและกฎระเบียบของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังไม่แน่นอน ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ ดังนั้น ฮ่องกงจำเป็นต้องดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นการดึงดูดนักลงทุนระดับนานาชาติ และพัฒนาแนวทางกำกับดูแลที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก โดย Tiger Research ระบุว่า ในระยะยาว ฮ่องกงมีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางเว็บ3 ระดับสถาบัน และขับเคลื่อนตลาดบล็อกเชนทั่วโลกต่อไป
ความคิดเห็น 0