คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ได้รับข้อเสนอใหม่ให้จัดประเภทริปเปิล(XRP) เป็นเครือข่ายการชำระเงิน เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางกฎหมายที่ดำเนินมายาวนาน
เมื่อวันที่ 14 แม็กซิมิเลียน สเตาดิงเกอร์ ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการต่อ SEC โดยระบุว่า XRP สามารถมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของสหรัฐฯ เอกสารฉบับดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า XRP อาจทำหน้าที่เป็นเครื่องมือหลักในการสนับสนุนเครือข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศ และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุนของภาคธนาคารได้อย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ XRP จะสามารถเพิ่มสภาพคล่องให้กับเงินทุนที่ธนาคารในสหรัฐฯ ฝากไว้กับสถาบันการเงินต่างประเทศ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,300 ล้านล้านวอน) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า XRP อาจช่วยปลดล็อกสภาพคล่องสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,190 ล้านล้านวอน) ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารสามารถลดต้นทุนธุรกรรมระหว่างประเทศได้ถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10.95 ล้านล้านวอน) ต่อปี ผ่านการลดค่าธรรมเนียมที่เกิดจากระบบ SWIFT
ข้อเสนอดังกล่าวยังเน้นว่าการกำหนดสถานะทางกฎหมายของ XRP เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ XRP สามารถรวมเข้ากับระบบการเงินได้อย่างถูกต้อง โดยเสนอให้ SEC จัดประเภท XRP เป็น "เครือข่ายการชำระเงิน" แทนที่จะเป็นหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีข้อเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ยกเลิกข้อจำกัดทางกฎหมายที่ขัดขวางการใช้ XRP ในภาคธนาคาร
ข้อเสนอฉบับนี้ยังระบุถึงแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อเร่งการนำ XRP มาใช้ เริ่มจากการจัดทำข้อกำหนดด้านกฎระเบียบให้ชัดเจนภายใน 24 เดือน จากนั้นจะดำเนินโครงการทดลองให้รัฐบาลใช้ XRP ในระบบการจ่ายเงิน เช่น การคืนภาษีและประกันสังคม ต่อไปจะเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารเริ่มใช้ XRP อย่างเต็มรูปแบบ และท้ายที่สุดคือการสร้างทุนสำรองบิตคอยน์(BTC) สำหรับประเทศ
เพื่อให้กระบวนการนี้รวดเร็วขึ้น ข้อเสนอแนะรวมถึงการใช้คำสั่งพิเศษจากประธานาธิบดีเพื่อดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบภายใน 1-3 เดือน และเริ่มโครงการนำร่องโดยกระทรวงการคลังในการใช้ XRP กับระบบชำระเงินแห่งชาติ รวมถึงแผนการสร้างทุนสำรองบิตคอยน์ภายใน 6-12 เดือน
แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าข้อเสนอนี้จะถูกนำไปใช้จริงหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หาก XRP สามารถกำจัดข้อขัดแย้งด้านกฎหมายได้ อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเงินของสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0