บริษัทจัดการสินทรัพย์ ‘แฮชเดกซ์(Hashdex)’ กำลังดำเนินการแก้ไขเอกสาร S-1 สำหรับกองทุน ETF ดัชนีคริปโตของบริษัท โดยมีแผนจะเพิ่ม 7 สกุลเงินดิจิทัลเพิ่มเติมจากเดิมที่มีเพียง ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’
ตามเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) เมื่อวันที่ 14 มีนาคม แฮชเดกซ์วางแผนจะรวม ‘โซลานา(SOL)’, ‘ริปเปิล(XRP)’, ‘คาร์ดาโน(ADA)’, ‘เชนลิงก์(LINK)’, ‘อวาลันเช(AVAX)’, ‘ไลต์คอยน์(LTC)’ และ ‘ยูนิสวอป(UNI)’ ไว้ในกองทุน ETF ของตน ปัจจุบัน กองทุนดังกล่าวยังคงมีเพียงบิตคอยน์และอีเธอเรียมเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ในเอกสาร S-1 ฉบับแรก แฮชเดกซ์ได้ระบุถึงความเป็นไปได้ของการเพิ่มสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ แต่ยังไม่ได้กำหนดรายการสินทรัพย์ที่ชัดเจน การแก้ไขล่าสุดนี้จึงให้ความกระจ่างเกี่ยวกับแนวทางการลงทุนของกองทุนมากขึ้น เอกสารยังอธิบายว่า "อัลต์คอยน์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาดำเนินงานโดยใช้เทคโนโลยี ‘Public-Key Cryptography’ บนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ และมูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาด"
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของผู้ออกกองทุน ETF ที่ขยายผลิตภัณฑ์ของตน หลังจากที่ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ มีท่าทีสนับสนุนนโยบายที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เอกสารยังระบุว่า แฮชเดกซ์มีแผนจะเปลี่ยนดัชนีอ้างอิงจาก ‘Nasdaq Crypto US Index’ ไปเป็น ‘Nasdaq Crypto Index’ ซึ่งมีความครอบคลุมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลบังคับใช้ เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจาก SEC ก่อน มาตรการดังกล่าวจะไม่มีผลจนกว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ในขณะที่ ‘ETF ดัชนีคริปโต’ เริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้นในสหรัฐ นักวิเคราะห์บางรายมองว่ากองทุนเหล่านี้อาจกลายเป็น "โซลูชันการลงทุนที่สำคัญ" สำหรับตลาด คาทาลิน ทิชเฮาเซอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ ‘ซิกนัม แบงก์(Sygnum)’ ให้ความเห็นว่า "เช่นเดียวกับที่ ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม กองทุน ETF ดัชนีคริปโตอาจก้าวขึ้นมาเป็นที่นิยมในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในอนาคต"
SEC ได้ให้การอนุมัติ ETF ที่อ้างอิงบิตคอยน์และอีเธอเรียมไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนับแต่นั้นมาก็มี ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเปิดตัวตามมาอีกมาก ข้อมูลล่าสุดเปิดเผยว่ามีการยื่นคำขอ ETF มากกว่า 12 รายการต่อ SEC โดยบางรายการเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่รวมถึงการ ‘สเตกกิ้ง’, ‘ออปชัน’ และ ‘ระบบการถอนเงิน’
ความคิดเห็น 0