แพลตฟอร์มเปิดตัวมีมคอยน์ 'โฟร์.มีม(Four.Meme)' ซึ่งสร้างบนเครือข่าย BNB เชน ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากถูก ‘โจมตีแบบแซนด์วิช’ มูลค่าประมาณ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.3 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 18 โฟร์.มีมประกาศผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่าการตรวจสอบความปลอดภัยเสร็จสิ้นแล้ว และได้กู้คืนฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับการเปิดตัวแพลตฟอร์มอีกครั้ง ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์มได้ระงับการให้บริการบางส่วนเพื่อสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางโฟร์.มีมระบุว่า “หลังจากตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เราได้แก้ไขช่องโหว่และเสริมความปลอดภัยให้กับระบบ ขณะนี้กำลังดำเนินการชดเชยให้กับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ”
ตามรายงานจากบริษัทด้านความปลอดภัยบล็อกเชน ExVul ผู้โจมตีใช้ที่อยู่กระเป๋าเงินที่คำนวณไว้ล่วงหน้าในการสร้างคู่ซื้อขายในพูลสภาพคล่อง ส่งผลให้สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการโอนโทเคนของโฟร์.มีม และใช้จังหวะที่แพลตฟอร์มเติมสภาพคล่องเพื่อดึงเงินออกจากระบบ
ขณะที่ CertiK บริษัทความปลอดภัยบล็อกเชนอีกแห่ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้โจมตีโอนโทเคนที่ยังไม่ได้เปิดตัวไปยังที่อยู่เฉพาะจำนวนมากอย่างไม่สมดุล จากนั้นใช้กลยุทธ์ปั่นราคาและขายทำกำไรทันทีที่เริ่มต้นการซื้อขาย กรณีของโทเคน SBL แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีส่ง SBL จำนวนเล็กน้อยไปยังที่อยู่ของคู่ซื้อขายล่วงหน้า ก่อนจะใช้เทคนิคโจมตีแบบแซนด์วิชกับธุรกรรมเติมสภาพคล่อง และสุดท้ายสามารถกอบโกยได้ 21.1 BNB
แฮกเกอร์รายนี้สามารถขโมย BNB อย่างน้อย 192 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 120,000 ดอลลาร์ และนำเงินไปแลกเปลี่ยนผ่าน FixedFloat ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายศูนย์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โฟร์.มีมถูกโจมตี เมื่อเดือนที่แล้วแพลตฟอร์มดังกล่าวสูญเสียเงินไปประมาณ 183,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.6 ล้านบาท) จากการแฮก นอกจากนี้ยังพบว่าเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดบ่อยขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโต โดยข้อมูลจาก CertiK ระบุว่าเพียงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภาพรวมของวงการคริปโตสูญเสียกว่า 1.53 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 55,400 ล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้ การแฮกของ Bybit เป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นมูลค่าถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,700 ล้านบาท)
ขณะที่ Chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนเปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้ว การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในวงการคริปโตมีมูลค่าสูงถึง 51 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.85 ล้านล้านบาท) พร้อมเตือนถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของ ‘กลโกงที่ใช้ AI’, ‘การฟอกเงินผ่านสเตเบิลคอยน์’ และ ‘อาชญากรรมไซเบอร์ที่จัดตั้งอย่างเป็นระบบ’
ความคิดเห็น 0