Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

KPMG เตือนธนาคารไนจีเรีย เร่งปรับตัวสู่สินทรัพย์ดิจิทัลหรือเสี่ยงล้าหลัง

Tue, 25 Mar 2025, 08:40 am UTC

ธนาคารหลักในไนจีเรียกำลังเผชิญกับความจำเป็นในการปรับตัวสู่สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด รายงานความร่วมมือระหว่าง KPMG และเชนเอนาลิซิส(Chainalysis) ระบุว่า ภาคการเงินของไนจีเรียควรใช้ประโยชน์จากโอกาสการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลให้เต็มที่

รายงานเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ไนจีเรียได้รับสินทรัพย์ดิจิทัลรวมมูลค่าเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดที่เคยหดตัวตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง จนถึงเดือนมิถุนายน 2024 ไนจีเรียมีส่วนแบ่ง 59 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท) จากกระแสเงินทุนรวม 125 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท) ที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดทั้งหมด

KPMG ชี้ว่า สำหรับประชาชนในไนจีเรีย สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการลงทุน แต่ยังเป็น ‘ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการโอนเงินระหว่างประเทศ’ อีกด้วย ข้อมูลระบุว่า 85% ของธุรกรรมทั้งหมดเป็นการชำระเงินขนาดเล็ก ซึ่งสะท้อนว่าการซื้อขายถูกขับเคลื่อนโดยนักลงทุนรายย่อย

อย่างไรก็ตาม ธนาคารดั้งเดิมในไนจีเรียยังคงลังเลต่อการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายเข้มงวดของธนาคารกลางไนจีเรีย(CBN) ในปี 2022 ซึ่งมีการสั่งห้ามธนาคารร่วมมือกับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล(VASP) โดยในขณะนั้น CBN ได้ลงโทษทางการเงินแก่ธนาคาร 6 แห่งเป็นมูลค่ารวม 1.31 พันล้านไนรา (ประมาณ 315 ล้านบาท) เนื่องจากฝ่าฝืนกฎระเบียบที่กำหนด

อย่างไรก็ตาม จุดยืนของรัฐบาลไนจีเรียต่ออุตสาหกรรมนี้เริ่มเปลี่ยนไป ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโบลา ทินูบู ได้ออกใบอนุญาต VASP ให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตในท้องถิ่นอย่างบุชา(Busha) และควิแด็กซ์(Quidax) เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว KPMG จึงเตือนว่า คำถามสำคัญสำหรับธนาคารในตอนนี้ไม่ใช่ ‘ควรเข้าร่วมในตลาดคริปโตหรือไม่’ แต่เป็น ‘จะใช้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไรโดยเห็นผลในเชิงบวกและลดความเสี่ยงให้มากที่สุด’

รายงานยังเน้นถึงอุปสรรคด้านการบริหารความเสี่ยงของภาคการเงินแบบดั้งเดิมต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งแตกต่างจากระบบธนาคารทั่วไปในแง่ของ ‘ความเป็นนิรนาม การทำธุรกรรมความเร็วสูง และกฎระเบียบที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ’ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้แนวทางการกำกับดูแลแบบดั้งเดิมใช้งานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ

แม้จะมีความท้าทาย แต่บล็อกเชนถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยง ด้วยคุณสมบัติที่ ‘โปร่งใสและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้’ ซึ่งเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินติดตามกระแสการเงินได้แบบเรียลไทม์ เป็นสิ่งที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมยังไม่สามารถทำได้เต็มที่

KPMG สรุปว่า หากธนาคารไนจีเรียนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ พวกเขาจะสามารถปรับปรุง ‘การป้องกันการฟอกเงิน’ พร้อมกับขยายบริการการเงินไปยังตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น ย้ำว่าในยุคที่ระบบการเงินทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง ธนาคารไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองล้าหลังได้อีกต่อไป

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลไนจีเรียยังคงเดินหน้ากรณีพิพาททางกฎหมายกับไบแนนซ์(Binance) หลังจากกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวละเมิดภาษีและกฎระเบียบของประเทศ ไนจีเรียได้ยื่นฟ้องไบแนนซ์ด้วยมูลค่าสูงถึง 81.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท) และมีรายงานว่า ไบแนนซ์เคยเสนอจ่ายเงิน 5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 180 ล้านบาท) เป็นค่าปรับเบื้องต้น แต่ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลในขณะนั้น

การขยายตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลในไนจีเรียกำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

คราเคนเตรียมซื้อ ‘นินจาเทรดเดอร์’ มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ รุกตลาดฟิวเจอร์สสหรัฐฯ

Garantex กลับมาในชื่อ Grinex? รายงานชี้อาจเป็นแพลตฟอร์มสืบทอด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1