ราคาของอีเธอเรียม(ETH) กลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง โดยมีความเสี่ยงที่จะร่วงลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,200 ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการลดลงของราคาคือ การชะลอตัวของกิจกรรมบนเครือข่ายและอัตราการเพิ่มขึ้นของอุปทาน ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดดันด้านราคาต่อเนื่อง
ข้อมูลบนเครือข่ายของอีเธอเรียมชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ขณะที่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเฉลี่ยก็ร่วงลงเหลือเพียง 0.00025 ETH (ประมาณ 460 วอน) สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวของทั้งตลาดการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และตลาด NFT ส่งผลให้ความต้องการใช้เครือข่ายลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริมาณการเผาเหรียญ ETH (burning) ลดลงและทำให้ภาวะเงินเฟ้อของเครือข่ายยังคงดำเนินต่อไป
อุปทานรวมของอีเธอเรียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 โดยฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระดับก่อนการอัปเกรด ‘The Merge’ ในเดือนกันยายน 2022 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าวงจรเงินฝืด (deflationary) กำลังอ่อนแอลง ข้อมูลจาก Ultrasound.money ระบุว่า อัตราการเผาเหรียญ ETH ต่อปีลดลงเหลือ 25,000 ETH ขณะที่อัตราการออกเหรียญใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 945,000 ETH ต่อปี ส่งผลให้อัตราการเพิ่มขึ้นของอุปทานรายปีแตะระดับ 0.76%
ราคาของ ETH ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันทางเทคนิค โดยมีการก่อตัวของรูปแบบ ‘bear flag’ ในกราฟรายเดือน ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่าหากแนวรับสำคัญที่ 2,000 ดอลลาร์แตกสลาย ราคาอาจร่วงลงไปแตะระดับ 1,230 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีนักวิเคราะห์บางคนที่มองตลาดในแง่บวก ‘Jelle’ หนึ่งในนักวิเคราะห์ด้านคริปโต เชื่อว่าหากราคาของ ETH สามารถฟื้นตัวเหนือระดับ 2,200 ดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสเห็นการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ขณะที่ ‘Crypto Ceaser’ มองว่าอีเธอเรียมยังคงถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงและมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในระยะยาว
ขณะนี้ ตลาดกำลังจับตาดูว่าอีเธอเรียมจะพลิกฟื้นขึ้นมาได้ หรือยังคงเผชิญกับแรงขายต่อเนื่องในอนาคต
ความคิดเห็น 0