ออราไดน์(Auradine) ผู้ผลิตอุปกรณ์ขุดบิตคอยน์(BTC) จากสหรัฐฯ กำลังมองหาโอกาสจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่สนับสนุนการผลิตในประเทศ
ปัจจุบัน สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของพลังขุดหรือ ‘แฮชเรต’ ของเครือข่ายบิตคอยน์ อย่างไรก็ตาม เครื่องขุดส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะบริษัทบิตเมน(Bitmain) ที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึงเกือบ 90%
ซานเจย์ คุปตา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์(CSO) ของออราไดน์ ระบุว่า “ทรัมป์ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมขุดบิตคอยน์ของสหรัฐฯ และความจำเป็นในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น”
อุตสาหกรรมขุดสหรัฐฯ เคยเผชิญปัญหาซัพพลายเชนในปีที่ผ่านมา โดยมีเครื่องขุดถูกกักที่ด่านศุลกากร รวมถึงบางส่วนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอุปกรณ์คลื่นความถี่วิทยุ(RF) ผิดกฎหมายจากจีน จนทำให้เกิดความล่าช้าในการนำเข้า
คุปตาเสริมว่า “สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนสร้างอุปสรรคให้กับอุปกรณ์ขุดที่ผลิตในต่างประเทศ ทำให้เกิดความล่าช้าและความไม่แน่นอนในซัพพลายเชน”
สหรัฐฯ และจีนกำลังแข่งขันกันในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขุดบิตคอยน์ไปด้วย บิตเมนเองก็พยายามปรับตัวด้วยการขยายสายการผลิตในสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ออราไดน์ก็มองเห็นโอกาสในนโยบายส่งเสริมการผลิตของทรัมป์ คุปตาชี้ว่า “การขยายการผลิตภายในประเทศอาจทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันให้ธุรกิจขุดต้องดำเนินงานนอกเครือข่ายไฟฟ้าหลัก”
เมื่อไม่นานมานี้ ออราไดน์ได้เปิดตัว ‘เทอราฟลักซ์ AH3880(Teraflux AH3880)’ เครื่องขุดบิตคอยน์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองตลาดและแข่งขันกับบิตเมน, ไมโครบีที(MicroBT) และคานาน(Canaan)
มีความกังวลว่าหากการขุดบิตคอยน์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้เครือข่ายสูญเสียความเป็น ‘กระจายศูนย์’ อย่างไรก็ตาม คุปตามองว่า “หากสหรัฐฯ สามารถนำโซลูชันการขุดที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมาใช้ ก็จะเป็นผลดีต่อเครือข่ายบิตคอยน์” แต่หากเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนและการกระจายศูนย์ไม่พัฒนาไปพร้อมกัน อาจเกิดความเสี่ยงขึ้น
ปัจจุบัน มากกว่า 95% ของแฮชเรตบิตคอยน์ทั่วโลกมาจากสหรัฐฯ และจีน
ความคิดเห็น 0