บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลุดแนวรับสำคัญในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยราคาดิ่งลงเกือบ 8 แสนวอน ส่งผลให้ตลาดคริปโตสั่นสะเทือนอย่างหนัก การปรับฐานครั้งนี้เกิดขึ้นจากแรงกดดันของ ‘วันครบกำหนดชำระสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SQ)’ และ ‘การใช้สิทธิ์ในออปชัน (EQ)’ ช่วงสิ้นไตรมาส ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานเสียสมดุลในชั่วข้ามคืน อีกทั้งนักลงทุนขายทำกำไรในตำแหน่งซื้อที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปี ยิ่งซ้ำเติมให้ราคาของอัลท์คอยน์หลากหลายตัวปรับลดลงตามไปด้วย
ข้อมูลจากนักวิเคราะห์เผยว่า แม้มีบางรายเริ่มกลับเข้ามาสร้างตำแหน่งในตลาดออปชันของบิตคอยน์หลังช่วง EQ ผ่านพ้นไป แต่ ‘ความกังวลต่อความเสี่ยงขาลง’ ยังคงบดบังความเชื่อมั่นโดยรวม โดยเฉพาะเมื่อระดับ ‘สถานะคงค้าง (OI)’ สูงสุดของตลาดแตะที่ 80,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 11.68 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนบางกลุ่มยังคาดหวังการรีบาวด์ แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มระแวงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงอย่างจริงจัง
ขณะที่ข้อมูลจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก(CME) แสดงให้เห็นว่า บรรดานักลงทุนสถาบันเริ่มถอนตัวออกจากตลาด โดย OI ของสัญญาฟิวเจอร์สกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง สัญญาณนี้สื่อถึงการ ‘ขาดความเชื่อมั่น’ ต่อการฟื้นตัวในระยะสั้น และเงินทุนที่ไหลออกมีขนาดใหญ่กว่าการไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญ
อีกปัจจัยที่บีบคั้นราคาบิตคอยน์คือ ‘ความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมมหภาค’ ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ราคาของบิตคอยน์เคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นโลกและประเด็นเงินเฟ้อโดยไม่สามารถขับเคลื่อนตัวเองด้วยปัจจัยเฉพาะได้ โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมแถลงการณ์เรื่อง ‘มาตรการขึ้นภาษีนำเข้า’ ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งอาจจุดชนวนให้ตลาดเสี่ยงเข้าสู่ช่วงปรับฐานมากขึ้น
*ความคิดเห็น* บางฝ่ายวิเคราะห์ว่า หากประกาศดังกล่าวนำไปสู่ต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้น อาจส่งผลให้เงินเฟ้อรุนแรงมากขึ้น และส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงคริปโตด้วย
ในสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญที่อาจเป็นตัวชี้ทิศทางของตลาด ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM) ของสหรัฐในวันที่ 1 เมษายน, การแถลงภาษีของทรัมป์วันที่ 2 เมษายน, ดัชนี ISM ภาคไม่ใช่การผลิตวันที่ 3 และรายงานตัวเลขการจ้างงานในวันที่ 4 โดยทั้งหมดนี้จะเป็นเครื่องกำหนดว่า *บิตคอยน์(BTC)* จะสามารถยืนราคาหรือร่วงต่อจากแรงกดดันระยะสั้นที่เกิดขึ้น
ณ เวลานี้ กลยุทธ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเน้นการ *รอดูสถานการณ์ (Wait and See)* มากกว่าการปักหลักสร้างสถานะใหม่ โดยยอมรับความเป็นไปได้ที่ราคาจะย่อตัวต่อในระยะสั้นจากแรงขายที่ยังไม่สิ้นสุด.
ความคิดเห็น 0