ตลาดคริปโตเผชิญความกังวลล่วงหน้าก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศนโยบาย ‘ภาษีแบบตอบโต้’ ซึ่งมีแผนออกมาในวันที่ 2 เมษายน โดยนโยบายดังกล่าวมีเป้าหมายให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีในระดับเดียวกันกับที่ประเทศคู่ค้ารายสำคัญเรียกเก็บ ซึ่งกำลังกระตุ้นแรงกดดันต่อระบบการค้าโลก และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลรวมถึงบิตคอยน์(BTC) ตกอยู่ภายใต้แรงเทขายเพิ่มขึ้น
บิตคอยน์(BTC) ร่วงลง 1.69% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ปิดที่ระดับ 81,839 ดอลลาร์ หรือประมาณ 11.9 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ลดลงกว่า 6.5% ส่วนอีเธอเรียม(ETH) และริปเปิล(XRP) ทรุดตัวหนักกว่านั้น โดยร่วงลงถึง 13% และ 14.3% ตามลำดับ โซลานา(SOL), คาร์ดาโน(ADA) และดอจคอยน์(DOGE) ต่างก็ปรับฐานลงในช่วง 9-10% แสดงให้เห็นถึงภาวะ ‘ชะลอตัว’ ทั่วทั้งตลาด
ที่ผ่านมา บิตคอยน์(BTC) เคยดีดกลับไปสูงสุดที่ระดับ 88,770 ดอลลาร์ สืบเนื่องจากนโยบายผ่อนคลายการลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งปรับลดวงเงินขายพันธบัตรรายเดือนจาก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 5 พันล้านดอลลาร์ จุดกระแสคาดหวังในสภาพคล่องและส่งเสริมบรรยากาศเชิงบวกของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต
อย่างไรก็ตาม นโยบายของทรัมป์ครั้งนี้ทำให้เกิดความวิตกอย่างหนักในหมู่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะความทรงจำในปี 2025 ที่เขาประกาศเก็บภาษีสินค้าจีนในวันเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงถึง 18% ภายในสองเดือน และดัชนี S&P500 รูดหนักเกินกว่า 7% นับเป็นตัวอย่างของผลกระทบโดยตรงต่อสินทรัพย์ทั่วกระดาน
อเล็กซ์ ครูเกอร์(Alex Krüger) นักวิเคราะห์ตลาด ได้เตือนว่าการประกาศในครั้งนี้อาจกลายเป็น ‘เหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนมากที่สุดในปีนี้’ พร้อมทั้งเสนอสามแนวทางที่อาจเป็นไปได้ ได้แก่ หนึ่ง - ท่าทีผ่อนปรนจากทรัมป์ซึ่งจะช่วยให้ตลาดฟื้นตัว, สอง - การประกาศแบบคลุมเครือที่ก่อให้เกิดความผันผวนทั้งฝั่ง Long และ Short, และสาม - การใช้มาตรการภาษีแบบเด็ดขาดที่อาจฉุดตลาดหุ้นดิ่ง 10-15% และทำให้นักลงทุนเลี่ยงคริปโตในระยะยาว *ความคิดเห็น* เขาระบุว่าแนวโน้มสุดท้ายจะเป็นกรณีการชะลอตัวด้านจิตวิทยาในการลงทุนที่ชัดเจนที่สุด
อีกปัจจัยที่ต้องจับตาคือช่วงเวลาการประกาศนโยบายของทรัมป์ซึ่งตรงกับฤดูกาลยื่นภาษีของสหรัฐฯ นักวิเคราะห์บางรายมองว่าในกรณีที่มีการออกมาตรการแข็งกร้าว ตลาดอาจฟื้นตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์หากมีการทยอยผ่อนคลายภาษีในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ความเศร้าโศกในตลาดอาจก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงแรก
ขณะเดียวกัน ปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt) นักวิเคราะห์กราฟชื่อดัง ได้เตือนถึง *ความเสี่ยงขาลง* ของบิตคอยน์(BTC) โดยระบุว่าราคาหลุดแนวรับ 85,000 ดอลลาร์ลงมา และเข้าสู่โครงสร้างทางเทคนิคที่เรียกว่า ‘Bear Wedge’ ซึ่งอาจทำให้ราคาย่อตัวลงไปถึงระดับ 65,600 ดอลลาร์ เป็นจุดที่น่าจับตาในระยะกลาง
ท้ายที่สุด ราคาอนาคตของบิตคอยน์(BTC) ยังถูกกำหนดโดยสองปัจจัยหลักคือทิศทางนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ และความเคลื่อนไหวด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ หากตลาดทุนอย่างหุ้นยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันในระยะเวลาอันใกล้ ความสามารถของบิตคอยน์ในการนำตลาดขึ้นเดี่ยวๆ ก็จะถูกจำกัดไปโดยปริยาย เหล่าผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรติดตามนโยบายติดตามผลหลังวันที่ 2 เมษายนอย่างใกล้ชิด รวมถึงการตอบสนองของนักลงทุนทั่วโลกต่อประกาศนี้ด้วย
ความคิดเห็น 0