ในยุคที่อุตสาหกรรมคริปโตกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วท่ามกลางเทรนด์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ปัญญาประดิษฐ์(AI) กำลังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการเดินหน้าสู่การ ‘ทำงานอัตโนมัติ’ ในระดับใหม่ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ‘AI เอเจนต์’ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการใช้งานร่วมกันระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิม(TradFi) และการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง(DeFi) อีกทั้งยังช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งานคริปโต, เพิ่มความอัตโนมัติในด้านการซื้อขาย และสร้างระบบบริหารความเสี่ยงที่ทันสมัย
ตามรายงานของบริษัทด้านการลงทุนแวนเอ็ค(VanEck) เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ปัจจุบันมี AI เอเจนต์ประมาณ 10,000 รายการในระบบ และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะพุ่งแตะ 1 ล้านรายการได้ภายในปี 2025 สะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีนี้ ซึ่งยังสอดคล้องกับมูลค่าตลาดของ ‘สินทรัพย์คริปโตที่ใช้ AI’ ที่พุ่งขึ้นถึง *322%* เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่าสูงถึง *1,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *22,630 ล้านบาท* ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024
นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นแนวคิดเบื้องต้น หากแต่ได้เริ่มใช้งานจริงในหลายโครงการแล้ว ตัวอย่างเช่น ‘เอ็ดวิน(Edwin)’ ซึ่งได้นำเฟรมเวิร์ค AI อย่าง ‘แลงเชน(LangChain)’ และระบบปฏิบัติการ ‘เอลิซาโอเอส(ElizaOS)’ มาผสานเข้ากับแพลตฟอร์มดีไฟชั้นนำอย่างอาเว(Aave) และยูนิสวอป(Uniswap) เพื่อให้ขั้นตอนรวมระบบโปรโตคอลต่าง ๆ เป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้น โครงการเหล่านี้เริ่มก่อร่างสร้าง ‘ดีไฟอัจฉริยะ’ หรือ ‘DeFAI’ ซึ่งเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการสินทรัพย์ของตนเองได้แบบอัตโนมัติและไร้คนกลาง
เอลิซาโอเอส ยังถูกออกแบบให้สามารถจำลองการทำงานของ AI เอเจนต์หลายตัวพร้อมกัน อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายข้ามระบบโดยไม่สูญเสียข้อมูลหรืออัตลักษณ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเป็นไปได้ในการผสานระหว่าง TradFi และ DeFi อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน AI เอเจนต์ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเพิ่มความเร็วของธุรกรรม และสนับสนุนการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางเดิม
สอดคล้องกับรายงานของสภาผู้นำแนวคิดดิจิทัลโลก(Global Digital Visionaries Council) ที่เปิดเผยเมื่อเดือนกันยายน 2024 ว่าภายในปี 2025 ธุรกรรมทางการเงินกว่า *20%* ทั่วโลกจะเกิดขึ้นในรูปแบบ ‘ครอสเชน’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI เอเจนต์สามารถกลายเป็น ‘กุญแจหลัก’ ในการเชื่อมต่อระบบการเงินทุกแขนงให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
อีกตัวอย่างของเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงได้แก่ เวอร์ชวลส์ โปรโตคอล(Virtuals Protocol) ที่เปิดทางให้ AI เอเจนต์ทำงานได้เกินกว่าการเป็นเพียงอวตาร แต่สามารถซื้อขายและทำงานอิสระได้ด้วยตัวเอง รวมถึง ‘คุกกี้ฟัน(Cookie.fun)’ ระบบจัดอันดับประสิทธิภาพของ AI เอเจนต์ที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และ ‘อัลฟานิวรัล(AlphaNeural)’ ซึ่งเปิดตลาดซื้อขาย GPU และโมเดล AI สำหรับนักพัฒนาโดยเฉพาะ ต่างก็สะท้อนถึงการเติบโตของระบบนิเวศในด้านนี้
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าดังกล่าวยังมาพร้อมกับความกังวล มหาวิทยาลัยวอร์ตันแห่งเพนซิลเวเนียเตือนว่า AI เอเจนต์อาจตกลงร่วมกันในการกำหนด ‘ราคา’ อัตโนมัติ ซึ่งอาจบิดเบือนตลาดทุนได้ อีกทั้งความเสี่ยงด้าน ‘ความปลอดภัย’, ‘โค้ดที่ไม่สมบูรณ์’, รวมถึง ‘การใช้งานที่ขัดต่อจริยธรรม’ ก็ยังเป็นประเด็นที่นักวิจารณ์ให้ความสำคัญอยู่มาก
แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ อุตสาหกรรมคริปโตก็ยังคงเดินหน้ารับเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการซื้อขายและมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง การเติบโตของ AI เอเจนต์กำลังผลักดันอุตสาหกรรมไปสู่วิสัยทัศน์ของ ‘การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง’ ที่ไม่ถูกควบคุมโดยมนุษย์หรือองค์กรใดเพียงฝ่ายเดียว *ความคิดเห็น* หากนวัตกรรมนี้ถูกผลักดันจนสำเร็จ อาจนำไปสู่โลกการเงินแห่งอนาคตที่มนุษย์และอัลกอริธึมร่วมกันเป็นผู้ขับเคลื่อนอย่างสมดุล
ความคิดเห็น 0