ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเข้าสู่ภาวะ ‘หวาดกลัวอย่างรุนแรง’ หลังราคาบิตคอยน์(BTC)และอัลท์คอยน์สำคัญร่วงหนักกว่า 9% ดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ หรือ Fear & Greed Index ร่วงลงถึงระดับ 17 บ่งชี้ว่าความวิตกครอบงำตลาดอย่างเห็นได้ชัด โดยราคาบิตคอยน์ลดลงมาอยู่ราว 75,000 ดอลลาร์ ขณะที่เหรียญใหญ่อย่างริปเปิล(XRP), คาร์ดาโน(ADA) และโดชคอยน์(DOGE) ต่างหลุดแนวรับสำคัญลงถ้วนหน้า
การทรุดตัวของตลาดครั้งนี้มีสาเหตุหลักจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเนื่องมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น นักลงทุนชื่อดัง บิล แอคแมน(Bill Ackman) ถึงกับนิยามสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็น ‘สงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ’ เหรียญเบอราเชน(Berachain) ร่วงลง 21% ในวันเดียว แตะจุดต่ำสุดของตัวเองที่ 4.6 ดอลลาร์ ขณะที่เหรียญอื่น เช่น AAVE, ไลท์คอยน์(LTC), เมคเกอร์(MKR) และลิโด(LDO) ก็ร่วงเกิน 15% มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์คริปโตร่วงลงเกือบ 10% เหลือระดับประมาณ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 3,504 ล้านล้านวอน
ในตลาดอนุพันธ์ของคริปโต ความผันผวนยังทวีความรุนแรง ข้อมูลจาก Coinglass ระบุว่า มีการถูกบังคับปิดตำแหน่งลงทุนคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ภายในวันเดียว โดยเฉพาะบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) ที่มีมูลค่าการชำระบัญชีรวมกว่า 638 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,314 ล้านบาท ส่งผลให้เทรดเดอร์ราว 324,000 รายขาดทุนอย่างหนัก มีบางรายสูญเสียสูงถึง 23 ล้านดอลลาร์ในพอร์ตเดียว
ชาร์ลี เชอร์รี(Charlie Sherry) นักวิเคราะห์ตลาดบิตคอยน์ ชี้ว่า วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงที่สภาพคล่องในตลาดต่ำ จึงไม่จำเป็นต้องมีแรงขายจำนวนมาก ราคาก็สามารถร่วงลงได้ง่าย โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่อาจเกิดการบังคับขายอย่างปัจจุบันทันด่วน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งระบบ
อย่างไรก็ดี ยังมีบางเสียงที่เชื่อว่าตลาดอาจดีดกลับได้ เอ็ดดูล พาเทล(Edul Patel) ซีอีโอของ Mudrex ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ความรู้สึกของนักลงทุนจะอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างที่สุด แต่การเปิดเผยตัวเลขการถือครองคริปโตของรัฐบาลสหรัฐที่กำลังจะมีขึ้นในวันนี้ อาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ เขาเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวซึ่งจะถูกส่งมอบต่อให้รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์(Scott Bessent) จะช่วยเน้นย้ำบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลในคลังสมบัติของภาครัฐ
นอกจากนี้ อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX ยังมองว่า ความตึงเครียดด้านภาษีระหว่างประเทศอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจกลายเป็น ‘เชื้อเพลิงใหม่’ ดันราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจมหภาคระดับโลกอาจผลักให้บิตคอยน์ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินมากยิ่งขึ้น
แม้ตลาดจะเต็มไปด้วยแรงขายจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก แต่หากการเปิดเผยข้อมูลจากทางการสหรัฐมีเนื้อหาที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคริปโตมากกว่าที่คาด ก็อาจทำให้ราคาที่ทรุดตัวลงในขณะนี้ กลายเป็น ‘โอกาสในการซื้อ’ แทนที่จะเป็นเพียงสัญญาณของความตื่นตระหนก
ความคิดเห็น 0