พอล แอตกินส์(Paul Atkins) ได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) โดยผ่านการรับรองจากวุฒิสภาเมื่อวันที่ 27 ภายหลังการพิจารณายืดเยื้อหลายเดือน การแต่งตั้งครั้งนี้สร้างความคาดหวังใหม่ในอุตสาหกรรมคริปโตเกี่ยวกับ ‘ความชัดเจนของกฎระเบียบ’ ที่รอคอยกันมานาน เพราะแอตกินส์มีประสบการณ์ในตลาดทุนจากวอลล์สตรีท และเคยดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ SEC ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช โดยเขาจะเข้ารับหน้าที่แทน มาร์ก อูเยดะ รักษาการคนก่อนหน้า
หลังการขึ้นดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ท่าทีของ SEC ต่อบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเปลี่ยนแปลงจากความเข้มงวดมาสู่การผ่อนคลายขึ้นบางส่วน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มี ‘กรอบนโยบายที่ชัดเจน’ ออกมารองรับแนวทางใหม่นี้ แอตกินส์จึงถูกจับตาว่า SEC ภายใต้การนำของเขาจะกำหนดเฟรมเวิร์กด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร
แอตกินส์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแวนเดอบิลต์ และเริ่มต้นอาชีพที่สำนักงานกฎหมาย Davis Polk & Wardwell ต่อมาได้ร่วมงานกับ SEC ในฐานะผู้ช่วยประธาน ซึ่งเขาเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ ‘ลดอุปสรรค’ สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการเข้าตลาดทุน เขายังเคยทำงานในบริษัทบัญชีและที่ปรึกษาทางการเงินขนาดใหญ่ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการ SEC ในรัฐบาลบุช ระหว่างดำรงตำแหน่ง เขาเคยมีบทบาทในการสืบสวนคดีหลอกลวงของ Bennett Funding ที่มีผู้เสียหายมากกว่า 20,000 คน โดยแสดงจุดยืนชัดเจนในเรื่อง ‘การคุ้มครองนักลงทุน’
ระหว่างการไต่สวนในวุฒิสภา แอตกินส์ย้ำว่า "การสร้างฐานกฎระเบียบที่ยึดหลักการและสอดคล้องต่อเนื่องสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นวาระแรกที่ต้องเร่งดำเนินการ" และยังวิจารณ์ว่า "สถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดความชัดเจน กลับขัดขวางต่อการเกิดนวัตกรรม" เขากล่าวเสริมว่า “ธุรกิจระดับโลกต้องการลงทุนในสหรัฐ แต่โครงสร้างปัจจุบันกลับทำให้ลังเล” ด้าน ทอม เอมเมอร์ สมาชิกสภาผู้แทนฯ ให้ความเห็นว่า “แอตกินส์ถือเป็นการยกระดับที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับผู้บริหารยุคก่อน”
ฟารยาร์ เชอร์ซาด หัวหน้าฝ่ายนโยบายของคอยน์เบส แสดงความยินดีกับการแต่งตั้งครั้งนี้ โดยระบุว่า “ยุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” สะท้อนความคาดหวังจากภาคธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมาอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงที่มาร์ก อูเยดะดำรงตำแหน่งรักษาการ SEC ได้มีแนวโน้มชะลอการบังคับใช้กฎหมาย และยกฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลหลายกรณี ซึ่งรวมถึงการไม่จัดกลุ่ม ‘พูลการขุด’, ‘การขุดแบบพิสูจน์การทำงาน’ และ ‘สเตเบิลคอยน์ที่อิงดอลลาร์’ ว่าเป็นหลักทรัพย์ เรื่องนี้อาจเป็นสัญญาณของ ‘การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย’ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมจะดูเอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แต่การรับตำแหน่งของแอตกินส์ใน SEC ก็กำลังเผชิญ ‘ข้อจำกัดด้านทรัพยากร’ เนื่องจากรัฐบาลทรัมป์กำลังผลักดันการลดขนาดหน่วยงานภาครัฐผ่านคณะกรรมการพิเศษด้านประสิทธิภาพรัฐบาล(DOGE) โดยมีอีลอน มัสก์เป็นผู้ขับเคลื่อน ฝ่ายบริหารของ SEC ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับลดงบประมาณและจำนวนบุคลากร ซึ่งคาดว่าจะลดลงมากถึง 15% การปรับลดนี้สร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่ ‘ความล่าช้าในการพิจารณาจดทะเบียน’ และ ‘ประสิทธิภาพด้านบังคับใช้ที่ลดลง’
คณะนักวิชาการด้านกฎหมายหลักทรัพย์ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า “การลดกำลังคนใน SEC จะส่งผลต่อเสถียรภาพตลาด, กระบวนการตรวจสอบ และประสิทธิภาพของการบังคับใช้กฎหมาย” และแย้งว่าภาคอุตสาหกรรมต้องการ ‘แผนระยะยาว’ ที่ชัดเจนในการจัดตั้งระบบกำกับดูแลใหม่ ทั้งนี้ สายตาของทั้งตลาดและนักลงทุนกำลังจับจ้องไปยังการเริ่มต้นในตำแหน่งของแอตกินส์ ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับลึกอีกครั้งในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0