เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) เอริก ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนบรรดาธนาคารทั่วโลกระหว่างให้สัมภาษณ์กับ CNBC ที่นครดูไบ โดยระบุว่า ระบบการเงินในปัจจุบันนั้น “ล่าช้าและล้มเหลว” ซึ่งออกแบบมาเพื่อประโยชน์ของคนรวยเพียงไม่กี่คน พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่า หากไม่ยอมรับ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ภายใน 10 ปีข้างหน้า ธนาคารจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ในฐานะผู้บริหารขององค์กรทรัมป์ เขาเผยว่า ความไร้ประสิทธิภาพของระบบธนาคารเดิม เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผลักดันให้เขาก้าวเข้าสู่โลกคริปโต พร้อมเสริมว่า “ถ้าธนาคารไม่เฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึง พวกเขาจะถึงจุดสิ้นสุด” ซึ่งเป็น *คำเตือน* ที่ชัดเจนและจริงจัง
เอริกวิจารณ์เครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศ SWIFT ว่าเป็น “หายนะโดยสมบูรณ์” และชี้ว่า *เทคโนโลยีบล็อกเชน* มีศักยภาพในการเข้ามาแทนที่ระบบเดิม ด้วยข้อได้เปรียบเรื่องความเร็ว ค่าใช้จ่ายที่ต่ำ และความโปร่งใส เขาเสริมว่า “ตอนนี้คุณสามารถเปิดแอปดีไฟหรือแอปคริปโตเพื่อโอนเงินจากกระเป๋าหนึ่งไปอีกกระเป๋าได้ทันที โดยไม่มีปัญหาค่าธรรมเนียมหรือความผันผวน”
แม้จะมีมุมมองที่ชัดเจนและแรงกล้า ธนาคารขนาดใหญ่ในหลายประเทศยังคงลังเลในการใช้ *คริปโต* โดยเฉพาะเช่น ธนาคารกลางอิตาลี ที่ยังแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการลงทุนในบิตคอยน์(BTC) หรือสเตเบิลคอยน์ อย่างไรก็ดี วิสัยทัศน์ของเอริก ทรัมป์ ยังคงสะท้อนมุมมองในเชิงบวกของอุตสาหกรรมคริปโต ที่กำลังได้รับแรงหนุนจากนโยบายและกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อคริปโตในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น
เขาเคยให้ *ความคิดเห็น* ในช่วงธันวาคมปีที่แล้วว่า ราคาของบิตคอยน์(BTC) จะพุ่งแตะ 1,000,000 ดอลลาร์ในที่สุด โดยให้เหตุผลว่า ความต้องการเครื่องมือทางการเงินที่รวดเร็ว, ไม่รวมศูนย์ และเข้าถึงได้จะเร่งให้รัฐบาลและองค์กรทั่วโลกต้องยอมรับคริปโตเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
คำเตือนของเอริกไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด เพราะเขาได้จับมือกับพี่ชายของเขา โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และแอชเชอร์ เซนูต(Asher Genoot) ซีอีโอของบริษัท Hut 8 ตั้งบริษัทเหมืองขุดบิตคอยน์ในชื่อว่า ‘American Bitcoin’ อีกทั้งยังร่วมก่อตั้ง World Liberty Financial เพื่อเตรียมเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ
เอริกระบุว่า การเคลื่อนไหวของครอบครัวเข้าสู่วงการคริปโตไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น ‘ความจำเป็น’ โดยเสริมว่า “พวกเราอาจเป็นหนึ่งในองค์กรที่ถูกปฏิเสธมากที่สุดในโลก” พร้อมอ้างถึงการที่ธนาคารปฏิเสธให้บริการและแรงกดดันจากรัฐบาล การเข้าสู่มิมโทเคน, การทำเหมือง, และโลกการเงินแบบไม่รวมศูนย์จึงกลายเป็นวิธีหนึ่งในการต่อต้านระบบเก่า — ซึ่งเอริก ทรัมป์ เชื่อว่าเวลาของระบบนั้น “ใกล้จะหมดลงแล้ว”
ความคิดเห็น 0