อีเธอเรียม(ETH) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมบล็อกเชน โดยอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของวงการ ล่าสุด โทมัส สตันชัค(Tomasz Stanczak) หนึ่งในผู้นำร่วมของมูลนิธิอีเธอเรียม เปิดมุมมองหลากหลายผ่านบทสัมภาษณ์กับ Cointelegraph ทั้งเกี่ยวกับพิมพ์เขียวในอนาคต, บทบาทของอีเธอเรียมในระบบนิเวศ Web3 ตลอดจนมุมมองต่อคู่แข่งหน้าใหม่ที่กำลังมาแรง
สตันชัคยอมรับว่า คู่แข่งอย่างโซลานา(SOL) และแอปโทส(APT) ซึ่งเป็นบล็อกเชนเลเยอร์ 1 หน้าใหม่ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งด้าน ‘ความเร็ว’ และ ‘ประสบการณ์ผู้ใช้’ อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า มูลนิธิอีเธอเรียมเลือกที่จะรักษา ‘การกระจายศูนย์’, ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความเป็นกลาง’ มากกว่าการไล่ตามผลงานระยะสั้น จุดยืนนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่เน้น ‘เสถียรภาพทางเทคโนโลยี’ ระยะยาวและการขยายระบบนิเวศที่ยั่งยืน
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเลเยอร์ 1 และเลเยอร์ 2 สตันชัคกล่าวว่า ความเชื่อมโยงระหว่างสองชั้นนี้มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบัน มูลนิธิมุ่งพัฒนาเรื่อง ‘การทำงานร่วมกันของโปรโตคอล’, ‘เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา’ และ ‘มาตรฐานระหว่างเครือข่าย’ จุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงความกระจัดกระจายของเครือข่ายอีเธอเรียม พร้อมขยายขีดความสามารถและประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน
ในประเด็นการบริหารจัดการผู้ตรวจสอบธุรกรรม(Validator) และแรงจูงใจสำหรับการสเตค(Staking) เขาตอบข้อกังวลที่ว่า ความนิยมในเลเยอร์ 2 อาจทำให้ดึงดูดผู้ตรวจสอบได้น้อยลง โดยชี้ว่า นักลงทุนสถาบันดูที่เรื่องผลตอบแทน ขณะที่สมาชิกในชุมชนอีเธอเรียมให้ความสำคัญกับ ‘ปรัชญาแบบกระจายศูนย์’ และ ‘ความมั่นคงของเครือข่าย’ มากกว่า นี่เป็นหนึ่งในจุดแข็งของอีเธอเรียมที่ยังคงยึดมั่นใน ‘คุณค่าระยะยาว’ มากกว่าผลตอบแทนระยะสั้น
เมื่อถูกถามว่าอีเธอเรียมแตกต่างจากโปรเจกต์อื่นอย่างไร สตันชัคชี้ว่า แม้เชนอื่นจะทำการตลาดอย่างดุดันและเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่อีเธอเรียมยังคงเดินหน้าด้วยความมั่นคง ผ่านการพัฒนาชุมชนที่แน่นแฟ้นและเส้นทางเทคโนโลยีที่ ‘สม่ำเสมอ’ และ ‘ลึกซึ้ง’ โดยได้รับอิทธิพลอย่างต่อเนื่องจาก วิตาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ซึ่งแม้จะเงียบ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและรักษารากฐานทางอุดมการณ์ของโปรเจกต์
แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่มีความเคลื่อนไหวใหญ่โต แต่สตันชัคบอกว่า ตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลา ‘เตรียมการ’ ที่เข้มข้นที่สุดของอีเธอเรียม หลังการพัฒนาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เครือข่ายอีเธอเรียมเตรียมยกระดับไปสู่ ‘มาตรฐานบล็อกเชนระดับโลก’ ทั้งในเชิงเทคนิคและการยอมรับในระดับโลกอีกขั้นหนึ่ง
ความคิดเห็น 0