เกิดเหตุลักพาตัวเกี่ยวข้องกับคริปโตในเบลเยียม โดยผู้ต้องหาหลักได้รับโทษจำคุก 12 ปี หลังลักพาตัวภรรยาของนักลงทุนและนักสร้างคอนเทนต์ด้านคริปโตชื่อดังชาวฝรั่งเศส สเตฟาน วิงเคล(Stephane Winkel) เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กรณีนี้สร้างความตระหนักในวงกว้างถึงความเสี่ยงที่ *คริปโตเคอร์เรนซี* อาจเป็นชนวนให้เกิดอาชญากรรมรุนแรง
เมื่อวันที่ 24 ศาลอาญากรุงบรัสเซลส์เบลเยียมพิพากษาจำคุกจำเลยสามรายในคดีลักพาตัว พร้อมปรับเพิ่มค่าเสียหายรวมอย่างน้อย 1 ล้านยูโร (ราว 15.4 ล้านบาท) แม้จะมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ แต่เจ้าหน้าที่เผยว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการหลบหนีอยู่อีก
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม บริเวณหน้าบ้านของวิงเคลในเขตฟอเรสต์ เมืองบรัสเซลส์ โดยเขาเป็นผู้แจ้งตำรวจทันทีหลังเห็นภรรยาถูกลักพาตัว เบาะแสจากรถตู้ที่คนร้ายใช้หลบหนีช่วยให้ตำรวจตามไปสกัดจับได้แถบเมืองบรูช ขณะเดียวกันยังพบว่าผู้ต้องสงสัยหนึ่งรายเป็นเยาวชน ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลเยาวชนแยกต่างหาก
วิงเคลเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ด้าน *คริปโตเคอร์เรนซี* บน YouTube และแพลตฟอร์มการศึกษา โดยมีผู้ติดตามกว่า 4 หมื่นราย เขาประกาศระงับกิจกรรมหลายรายการหลังเหตุการณ์ เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การเปิดเผยกระเป๋าเงินหรือจัดกิจกรรมแจกรางวัล พร้อมเปลี่ยนแนวเนื้อหาไปเน้นด้านการวิเคราะห์ตลาด ความรู้พื้นฐาน และกลยุทธ์ลดความเสี่ยงแทน โดยระบุว่า "เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้ผมช่วยให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงชะตากรรมเดียวกันได้"
นี่ไม่ใช่กรณีเดียวในปีนี้ที่ผู้เกี่ยวข้องกับ *สินทรัพย์ดิจิทัล* ถูกลักพาตัว เดือนมกราคมที่ผ่านมา เดวิด บอลล็องด์(David Balland) ผู้ร่วมก่อตั้งกระเป๋าฮาร์ดแวร์ชื่อดังอย่าง ‘Ledger’ และภรรยา ถูกจับตัวจากบ้านพักในฝรั่งเศส พร้อมเรียกค่าไถ่ 10 ล้านยูโร (ราว 154 ล้านบาท) ก่อนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ทัน อีกกรณีหนึ่ง ครอบครัวเศรษฐีคริปโตในปารีสถูกจี้บ้านแต่ต่อสู้ขัดขืนสำเร็จ และยังมีกรณีที่บิดาของนักลงทุนคริปโตถูกร้องเรียกค่าไถ่สูงถึง 5–7 ล้านยูโร (ราว 76.9–107.7 ล้านบาท)
*ความคิดเห็น* ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ผู้ที่มี ‘ภาพลักษณ์สาธารณะด้านดิจิทัล’ มักตกเป็นเป้าของกลุ่มอาชญากร และแนะว่าการเปิดเผยการถือครองคริปโตควรทำด้วยความระมัดระวังสูงสุด
เหตุการณ์ในเบลเยียมครั้งนี้จึงกลายเป็น ‘สัญญาณเตือน’ ว่าความเสี่ยงต่อ *ผู้ถือครองคริปโตเคอร์เรนซี* ไม่เพียงจำกัดอยู่ที่โลกไซเบอร์อีกต่อไป แต่ได้ขยายเข้าสู่การคุกคามในชีวิตจริงและความปลอดภัยส่วนบุคคลอย่างน่ากังวล
ความคิดเห็น 0