ในช่วงที่ราคาของ *อีเธอเรียม(ETH)* กำลังเดินหน้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีรายงานว่า *มูลนิธิอีเธอเรียม(Ethereum Foundation)* ได้ขายเหรียญ ETH จำนวน 10,000 เหรียญผ่านการซื้อขายนอกตลาด(OTC) ให้กับ *ชาร์ปลิงค์ เกมมิง(Sharplink Gaming)* ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านเกมและการเดิมพัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 257 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,573 พันล้านวอน โดยชาร์ปลิงค์มีแผนนำ ETH เหล่านี้ไปใช้งานใน *สเตเคง(Staking)* และ *รีสเตเคง(Restaking)* ตามกลยุทธ์ระยะยาว
การจัดสรร ETH ครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางสนับสนุน *การกระจายศูนย์ของเครือข่ายอีเธอเรียม* ในระยะยาว โดย *โจเซฟ ลูบิน(Joseph Lubin)* ประธานของชาร์ปลิงค์และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม ให้ความเห็นว่า "อีเธอเรียมกำลังได้รับการประเมินใหม่ในฐานะ ‘สินทรัพย์แห่งความน่าเชื่อถือ’ มีสภาพคล่องและศักยภาพเพียงพอแม้มองจากมุมของสถาบัน" พร้อมย้ำว่าการเข้าซื้อครั้งนี้จะ *สนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศอีเธอเรียมในระยะยาว*
*แมธธิว ซีเกล(Matthew Sigel)* หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ *แวนเอค(VanEck)* เป็นผู้เปิดเผยดีลซื้อขายนี้ต่อสาธารณะ พร้อมระบุว่า การเลือกซื้อขายผ่านตลาด OTC มีจุดประสงค์หลักเพื่อ *หลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาในตลาดเปิด* และชี้ว่านี่คือแนวทางที่นักลงทุนสถาบันมักใช้ในการเข้าลงทุน
ตลาดได้ตอบรับข่าวนี้ในเชิงบวก เห็นได้จากราคาของ *อีเธอเรียม(ETH)* เมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 7.92% ภายใน 24 ชั่วโมง มาอยู่ที่ 3,005.83 ดอลลาร์ หรือประมาณ 417,000 วอน และขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 3,038.14 ดอลลาร์ หรือราว 422,000 วอน โดย *ปริมาณการซื้อขาย* ก็เพิ่มขึ้นกว่า 44.25% อยู่ที่ราว **57,480 ล้านดอลลาร์** หรือประมาณ **79.4 ล้านล้านวอน**
ปัจจัยบวกยังมาจากฝั่งผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยผู้ใช้งาน *โรบินฮู้ด(Robinhood)* ในประเทศสามารถเข้าถึงบริการ *สเตเคงของ ETH และโซลานา(SOL)* ได้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้จำกัดเฉพาะผู้ใช้งานในยุโรป การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นแรงผลักสำคัญในการ *ขับเคลื่อนดีมานด์ของอีเธอเรียมในตลาดอเมริกา*
นอกจากนี้ *อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes)* ผู้ร่วมก่อตั้ง *บิทเม็กซ์(BitMEX)* ก็ออกมาแสดงความเห็นในเชิงบวก โดยชี้ว่าอีเธอเรียมมี “ศักยภาพในการพุ่งขึ้นแตะ 10,000 ดอลลาร์” หรือราว 1.39 ล้านวอน พร้อมระบุว่าราคาปัจจุบันกำลัง *ส่งสัญญาณภาวะกระทิงระยะยาวอย่างชัดเจน*
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น *การขายสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ของมูลนิธิ, แรงซื้อจากสถาบัน, ความต้องการสเตเคงที่เพิ่มขึ้น,* และ *ทิศทางตลาดในเชิงบวก* ส่งผลให้ *อีเธอเรียมกำลังกลายเป็นสินทรัพย์หลักที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบัน* อย่างมั่นคง ซึ่งนำไปสู่ความคาดหวังที่ว่า ETH อาจสามารถ *กลับไปท้าทายจุดสูงสุดเดิมในปี 2021 ที่ 4,891.70 ดอลลาร์* หรือราว 679,000 วอนได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
ความคิดเห็น 0