ชางเผิง เจา(CZ) อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งไบแนนซ์ แสดงท่าทีแข็งกร้าวตอบโต้รายงานของ Bloomberg ที่เชื่อมโยงเขากับโครงการสเตเบิลคอยน์ที่อาจเกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าเป็น *บทความที่จัดทำขึ้นโดยเจตนาร้ายจากคู่แข่ง* และอาจพิจารณาฟ้องร้องเรื่อง *หมิ่นประมาท* อีกครั้ง เขาเปิดเผยจุดยืนของตนผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) พร้อมตั้งคำถามถึง ‘ความถูกต้องของข้อเท็จจริงที่มีมากมายจนไม่รู้จะเริ่มแก้ตรงไหน’ และย้ำถึงปัญหาความน่าเชื่อถือของสื่อในยุคที่สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างชัดเจน
รายงานของ Bloomberg อ้างว่าไบแนนซ์และชางเผิง เจา มีส่วนในการพัฒนาโค้ดสมาร์ตคอนแทรกต์ของ ‘USD1’ สเตเบิลคอยน์ที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่า *กว่า 90% ของโทเคนดังกล่าวยังคงอยู่ในกระเป๋าเงินของไบแนนซ์* และสร้าง *รายได้จากดอกเบี้ยระดับหลายหมื่นล้านวอนต่อปี* (คิดเป็นหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยังรายงานว่า เจาได้ขออภัยโทษจากทรัมป์ไม่นานหลังจากได้รับเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.78 ล้านล้านวอน) จากกองทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเจาได้ตอบโต้รายงานเหล่านี้ว่าเป็น *การบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยเจตนา*
เจายังย้ำถึงความสัมพันธ์อันไม่ราบรื่นในอดีตกับ Bloomberg โดยเคยชนะคดีหมิ่นประมาทจากฉบับภาษาจีน หลังถูกกล่าวหาว่าไบแนนซ์เป็นแชร์ลูกโซ่ในปี 2022 ซึ่ง Bloomberg ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024
การตอบโต้ของเจาในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์เร่งเดินหน้ากลยุทธ์ด้านคริปโต* ทั้งการเปิดรับเงินบริจาคด้วยสกุลเงินดิจิทัล การออกมีมคอยน์ และการสนับสนุน USD1 ผ่านโครงการ World Liberty Financial ท่ามกลางการพิจารณากฎหมายคริปโตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง *ร่างกฎหมาย GENIUS* ที่ว่าด้วยการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง *การเมืองที่เริ่มหันมาใช้คริปโตเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบาย*
เจาเคยตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าเขาเป็นพยานในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อกรณีของจัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งโทรน โดยระบุว่าข้อกล่าวหานั้น ‘ไม่มีน้ำหนัก’ พร้อมย้ำว่า “ไม่ค่อยมีพยานของรัฐบาลที่ลงเอยในคุก” ซึ่งถือเป็นการกล่าวถึงประสบการณ์ติดคุกของเขาเอง หลังจากที่ยอมรับผิดในสหรัฐฯ และถูกจำคุก 4 เดือนเมื่อปี 2023
ปฏิกิริยาในชุมชนคริปโตต่อข้อกล่าวหานี้ถือว่าเข้มข้น หลายคนแสดง *การสนับสนุนเจาอย่างแข็งขัน* และตั้งคำถามว่า “ทำไม Bloomberg ถึงหมกมุ่นกับเขานัก?” ซึ่งสะท้อนถึง *ความไม่ไว้วางใจต่อสื่อกระแสหลัก* ที่ยังคงฝังลึกในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล
หากคดีหมิ่นประมาทนี้เดินหน้าไปถึงขั้นการพิจารณาคดี อาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญระหว่างภาคสื่อ, การเมือง และอุตสาหกรรมคริปโต* โดยเฉพาะหากบทบาทของประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มมีนัยยะต่อทิศทางนโยบายของรัฐบาลในด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0