การเทรดรายวันในตลาดคริปโต ซึ่งอาศัยการเก็บเกี่ยวผลกำไรจาก ‘ความผันผวนของราคาในระยะเวลา 1 วัน’ จำเป็นต้องใช้การตัดสินใจที่รวดเร็วและการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ล่าสุด เครื่องมือที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ *AI* ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและวางกลยุทธ์ได้ในเวลาสั้น ๆ จุดเปลี่ยนสำคัญของแนวทางการเทรดรูปแบบนี้ จึงอยู่ที่การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
AI เครื่องมือที่ได้รับความนิยมประกอบด้วย Grok ซึ่งดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก X หรือชื่อเดิมคือ Twitter และ ChatGPT ที่ช่วยวิเคราะห์และวางแผนการเทรดอย่างชัดเจน บางรายสามารถนำไปสู่การ ‘ล่วงหน้า’ ตรวจจับแรงเหวี่ยงของตลาดและจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Grok ช่วยคัดกรองสกุลเงินที่มีจำนวนโพสต์หรือ ‘อารมณ์ตลาด’ เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจสื่อถึงโอกาสราคาพุ่งขึ้นในระยะสั้น แม้จะไม่ใช่ ‘สัญญาณซื้อ’ ที่เชื่อถือได้ในทุกกรณี แต่เมื่อนำไปประสานกับการวิเคราะห์ของ ChatGPT ก็ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้เฉียบคมยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘จุดเข้า’ ระดับราคาตัดขาดทุน หรือเป้าราคา โดยทั้งหมดจะประเมินจากการวิเคราะห์ ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ ร่วมกับ ‘ปัจจัยทางเทคนิค’
จุดแข็งของระบบนี้คือสามารถช่วยลดผลกระทบจากการเทรดตามอารมณ์หรือการถูกชักจูงโดยข้อมูลผิด ๆ ผู้ใช้งานสามารถใช้ข้อมูลเสริมอย่างปริมาณการซื้อขาย ปฏิกิริยาของกระเป๋าเงินรายใหญ่ (*whale wallets*) และดัชนีเทคนิคอื่น ๆ มาช่วยยืนยันสัญญาณ ทำให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากขึ้น นอกจากนี้ ChatGPT ยังสามารถใช้เขียน ‘บันทึกการเทรด’ เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อผิดพลาดย้อนหลังและพัฒนาแผนการเทรดเฉพาะตัวได้อย่างต่อเนื่อง
การเทรดคริปโตแบบรายวันมีความแตกต่างจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมอย่างชัดเจน ด้วยคุณสมบัติของตลาดที่เปิด 24 ชั่วโมง สภาพคล่องที่ผันผวน และการที่ราคาได้รับผลกระทบจากความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียโดยตรง การมีเครื่องมืออย่าง Grok จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น ตัวอย่างเช่นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา ยอดรวมมูลค่าเงินฝาก (TVL) บนดีไฟของโซลานา(SOL) พุ่งขึ้นแตะ 9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.25 ล้านล้านบาท) ซึ่ง Grok ตรวจจับสัญญาณความสนใจได้ล่วงหน้า และ ChatGPT ก็สามารถสร้างกลยุทธ์การซื้อขายอัตโนมัติขึ้นจากข้อมูลดังกล่าวได้
Grok สามารถเข้าใช้งานได้ผ่านเว็บไซต์ x.com หรือแอปพลิเคชันโดยตรง สำหรับผู้ใช้ฟรีจะได้รับสิทธิ์วิเคราะห์ข้อความไม่เกิน 10 ครั้งต่อวัน พร้อมวิเคราะห์ภาพได้เพียง 3 ครั้ง แต่การเลือกใช้ ‘แพ็กเกจเสียเงิน’ จะช่วยให้การตรวจจับแบบเรียลไทม์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเริ่มจาก Premium+ ในราคา 16 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 168 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 22,200 บาทและ 233,500 บาทตามลำดับ) นอกจากนี้ AI ยังตอบคำถามเฉพาะทาง เช่น “ความคิดเห็นต่อเหรียญ Pi บน X เป็นอย่างไร?” ผ่านการสรุปข้อมูลจากการโพสต์ การวิเคราะห์อารมณ์ และกรณีศึกษาในอดีต
แต่ในท้ายที่สุด ‘ความได้เปรียบ’ ไม่ได้อยู่ที่ AI แต่คือ ‘วิธีที่ผู้ใช้งานเลือกใช้ข้อมูลเหล่านั้น’ เมื่อ AI มาเป็นผู้ช่วยที่สนับสนุนกลยุทธ์การเทรดที่มีโครงสร้าง เทรดเดอร์ก็จะสามารถแยกแยะสัญญาณรบกวนจากข้อมูลจริง และตัดสินใจได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น *ความได้เปรียบในการเทรดรายวันอยู่ที่ความเร็วและความแม่นยำ* และ AI ก็กลายเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่ช่วยส่งเสริมทั้งสองด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น 0