กระเป๋าเงินบิตคอยน์(BTC) ที่ไม่เคลื่อนไหวมาเป็นเวลากว่า 14 ปีได้กลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยดำเนินการขายครั้งใหญ่ ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับความผันผวน ทั้งนี้มีการขายบิตคอยน์กว่า 20,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,336 ล้านบาท) ขณะที่อีก 60,000 BTC ได้ถูกโอนไปยังแพลตฟอร์มดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของสถาบันอย่างแกแล็กซีดิจิทัล(Galaxy Digital) สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนหลายฝ่ายนึกถึงเหตุการณ์การขายบิตคอยน์อย่างกะทันหันของมูลนิธิมาวน์โกซ์เมื่อปี 2024 ที่ส่งผลให้ราคาตลาดร่วงลงอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอย่าง Lookonchain เปิดเผยว่า กระเป๋าเงินที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้มีทั้งหมด 8 รายการ ซึ่งได้รับบิตคอยน์จำนวน 20,000 BTC และ 60,000 BTC ตั้งแต่เดือนเมษายนและพฤษภาคม 2011 โดยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม มีการโอนออกบิตคอยน์ 40,000 BTC จาก 4 กระเป๋าเงินแรก และต่อมาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็มีการโยกย้ายอีก 20,000 BTC ในรูปแบบเดียวกัน กระทั่งวันที่ 14 กรกฎาคม ได้มีการโอนที่เหลืออีก 40,049 BTC หรือประมาณ 4,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 65,052 ล้านบาท) ไปยังแกแล็กซีดิจิทัล
แม้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่า แกแล็กซีดิจิทัลได้โอนส่วนหนึ่งของบิตคอยน์ที่ได้รับไปยังแพลตฟอร์มเทรดอย่างไบแนนซ์และบายบิต ซึ่งสนับสนุนข้อสันนิษฐานว่า ‘จุดประสงค์ของการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือการขายจริง’ มากกว่าการจัดระเบียบกระเป๋าเงินใหม่ ความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ได้สร้างแรงกดดันด้านจิตวิทยาต่อผู้ลงทุนอย่างมีนัยยะ
‘OnChainSchool’ นักวิเคราะห์จากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) กล่าวว่า กรณีนี้คล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2024 ที่มูลนิธิมาวน์โกซ์เคลื่อนย้ายบิตคอยน์จำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การร่วงของราคา BTC ถึง 31% ภายในเดือนเดียว และต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนในการฟื้นตัว
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินวาฬในครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อปี 2024 ในหลายจุด ได้แก่ การปรากฏตัวใกล้ระดับ ‘ราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ATH)’, การที่กระเป๋าเงินถูกพักใช้งานมานาน และปริมาณเหรียญที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ยังมีบิตคอยน์บางส่วนจากกระเป๋านี้ที่ยังไม่ถูกขายออก ซึ่งหมายความว่า *ผลกระทบที่แท้จริงยังอาจเปลี่ยนแปลงได้* ขึ้นอยู่กับว่าการขายจะดำเนินต่อหรือไม่
ในอีกด้านหนึ่ง การที่ครั้งนี้มีแกแล็กซีดิจิทัลเข้ามาดูแลในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับสถาบัน กลับถูกมองว่าช่วยลดแรงกระแทกต่อตลาด เนื่องจากการขายมีการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยผ่านการซื้อขายแบบ OTC (นอกรายการ) ที่มักเกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนรายใหญ่ 'DonCryptoTrade' นักเทรดคริปโตชั้นนำรายหนึ่งเผยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียว่า “แม้การขายคริปโตในขนาดใหญ่มักจะสร้างความตื่นตระหนกในระยะสั้น แต่ผลกระทบที่แท้จริงมักเล็กกว่าที่คาดไว้มาก” *ความคิดเห็น*
บิตคอยน์ล่าสุดมีการซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 117,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.63 ล้านบาท) ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดที่ 123,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.71 ล้านบาท) เมื่อวันจันทร์ คิดเป็นการปรับลงราว 4% แต่ยังคงสะสมการเพิ่มขึ้นกว่า 7.5% ตลอดสัปดาห์ และมากกว่า 11% ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
แม้การเทขายของกระเป๋าวาครั้งนี้จะสร้างความกังวล แต่ตลาดในขณะนี้มี *สภาพคล่องที่แข็งแรงและมีความต้องการจากสถาบันมากพอที่จะดูดซับแรงกระแทก* ได้มากกว่าในอดีต หลายฝ่ายเชื่อว่าตลาดน่าจะอยู่ในช่วงของการ ‘ปรับฐานอย่างค่อยเป็นค่อยไป’ มากกว่าการร่วงลงฉับพลัน สำหรับนักลงทุนแล้ว ช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ต้องบริหารความเสี่ยงและรับมือกับความผันผวนด้วยความรอบคอบ.
ความคิดเห็น 0