บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งแตะระดับ *200,000 ดอลลาร์* ได้ด้วยพลังการลงทุนจากสถาบันเพียงอย่างเดียว ตามการวิเคราะห์จากสำนักให้คำปรึกษาการลงทุน ‘The Kobeissi Letter’ ที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ โดยระบุว่าสถาบันต่างๆ ไม่อาจมองข้ามผลตอบแทนอันโดดเด่นของบิตคอยน์ได้อีกต่อไป และการเข้าสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจังของนักลงทุนระดับสถาบัน อาจกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดในรอบถัดไป
จากรายงานของ Kobeissi Letter บิตคอยน์มีอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปี (CAGR) เฉลี่ยในช่วง 13 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ *90%* ซึ่งสูงกว่าสินทรัพย์แบบดั้งเดิมในตลาดอย่างมาก ปัจจุบันแม้แต่กองทุนการเงินที่มีแนวทางการลงทุนอย่างอนุรักษ์นิยม ก็เริ่มจัดสรรพอร์ตการลงทุนส่วนหนึ่งให้กับบิตคอยน์ โดยส่วนมากอยู่ที่สัดส่วน *1%*
มูลค่าทรัพย์สินที่บริหารโดยนักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ *31 ล้านล้านดอลลาร์* ซึ่งหากเพียง *1% ของสินทรัพย์* เหล่านั้นไหลเข้าสู่บิตคอยน์ เท่ากับว่าอาจเกิดอุปสงค์เพิ่มขึ้นอีก *300,000 ล้านดอลลาร์* ซึ่งอาจดันราคาขึ้นกว่า *13%* จากมูลค่าตลาดรวมปัจจุบันที่ราว *2.34 ล้านล้านดอลลาร์* โดยมีเป้าหมายราคาใหม่ที่ *133,000 ดอลลาร์* ต่อ 1 BTC
แต่หากนับรวมเงินทุนจากสถาบันทั่วโลก การไหลเข้าของเงินทุนอาจแตะระดับ *1 ล้านล้านดอลลาร์* ซึ่งจะเป็นแรงผลักให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นกว่า *70%* และทำลายแนวต้านสำคัญที่ *200,000 ดอลลาร์* ได้อย่างมีนัยสำคัญ Kobeissi Letter ตั้งข้อสังเกตว่าในตอนนี้ บิตคอยน์ได้กลายเป็นแนวโน้มใหญ่ทางการเงิน หรือ *‘เมกะเทรนด์’* ที่ไม่มีใครสามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป
การเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบันในตลาดเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน โดย *แบล็คร็อก(BlackRock)* บริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก ครอบครองบิตคอยน์จำนวน *717,388 BTC* คิดเป็น *3.6%* ของปริมาณเหรียญหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุน ‘สเตรเทจี(Strategy)’ ก็ถือครองบิตคอยน์อีก *601,550 BTC* หรือประมาณ *3%* ของตลาด รวมทั้งสองบริษัทถือครองสินทรัพย์รวมกว่า *6.6%* ของปริมาณทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าตลาดปัจจุบันราว *155,000 ล้านดอลลาร์*
แม้บิตคอยน์จะพักฐานหลังจากทำสถิติสูงสุดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม โดยราคาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ *117,850 ดอลลาร์* แต่ตลาดยังประคองแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง การขายจากผู้ถือระยะยาวมีให้เห็น แต่ยังไม่ปรากฏสัญญาณเทขายจำนวนมากในตลาดซื้อขายหลัก เป็นสัญญาณแสดงถึง ‘โอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อ’ ที่ยังเปิดอยู่
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอย่าง *Glassnode* รายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีการทำกำไรจากการถือครองบิตคอยน์มากที่สุดช่วงหนึ่งของปี และการเคลื่อนไหวเหล่านั้นส่วนใหญ่เกิดจาก ‘นักลงทุนระยะยาว’
ในความเห็นของ Kobeissi Letter ตลาดอาจได้เห็นการเปิดตัวกองทุนสถาบันใหม่ๆ รวมถึงกิจกรรมจัดซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลจากบริษัทเอกชนและภาครัฐเพิ่มขึ้นในอนาคต ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาบิตคอยน์ในระยะต่อไปจึงขึ้นอยู่กับ ‘*ขนาดของเงินทุนจากสถาบันที่ไหลเข้าสู่ตลาด*’ และทิศทางใหม่นี้อาจส่งผลให้เป้าหมายราคา *200,000 ดอลลาร์* ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้จาก ‘โครงสร้างของกระแสเงินทุน’ เอง
ความคิดเห็น 0