เจค เคลเวอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิจิทัล แอสเซนชัน กรุ๊ป คาดการณ์ว่า *ริปเปิล(XRP)* มีโอกาสพุ่งแตะระดับ *1,500~2,000 ดอลลาร์* ภายใน *เดือนมกราคม 2026* ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.08 ล้านถึง 2.78 ล้านบาท แม้ตัวเลขนี้อาจดูเกินจริง แต่เคลเวอร์เชื่อว่า หากเกิดปัจจัยระดับโลกบางประการขึ้นพร้อมกัน โอกาสดังกล่าวก็มีสิทธิเป็นจริงได้
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เขาระบุคือ *วิกฤตสภาพคล่องทางเศรษฐกิจโลก* ที่อาจเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2025 พร้อมกับ *การเข้มงวดด้านกฎระเบียบต่อสเตเบิลคอยน์ เช่น เทเธอร์(USDT)* และการที่ *XRP ได้รับความสำคัญมากขึ้นในระบบชำระเงินข้ามประเทศ* โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาชี้ว่า ‘*การเก็งกำไรต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก (Reverse Carry Trade)*’ จะกลายเป็นตัวเร่งให้เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ที่กำลังผลักดันในสภาคองเกรสสหรัฐฯ ก็ถือเป็นอีกตัวแปรสำคัญ หากการควบคุม *เทเธอร์(USDT)* เข้มงวดขึ้น นักลงทุนอาจเลือกกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับกฎหมายมากกว่า *ความคิดเห็น: XRP อาจกลายเป็นตัวเลือกหลักในฐานะ ‘สกุลเงินสะพานดิจิทัล’ สำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ*
เคลเวอร์ยังกล่าวถึงโครงการพัฒนาระบบชำระหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นสหรัฐอย่าง *Project ION* ซึ่งดำเนินการโดย DTCC ร่วมกับ R3 โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับระบบหลังบ้านของตลาดหุ้น เขามองว่า *XRP* เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่กี่ตัวที่มี *สภาพคล่องสูง เป็นกลาง และเหมาะกับระบบแบบนี้*
ในภาพรวม เคลเวอร์ยังยกปัจจัยอื่นที่อาจหนุนมูลค่า XRP ได้แก่ *การอนุมัติ ETF สำหรับ XRP*, *ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์*, *การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐและญี่ปุ่น* และแม้แต่ *โอกาสที่เจอโรม พาวเวลล์ อาจถูกแทนที่ในตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed)* โดยเขาชี้ว่า *นโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบประนีประนอมภายใต้ยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีทรัมป์* มีโอกาสสร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน
แม้จะมีนักวิเคราะห์บางรายเห็นว่าการคาดการณ์นี้ *มองโลกในแง่ดีเกินไป* แต่หลายฝ่ายก็เห็นพ้องว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายระดับโลกอาจส่งผลในทางบวกต่อ XRP อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ชุมชน XRP เองก็เริ่มตั้งความหวังกับรอบการฟื้นตัวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ความคิดเห็น 0