เครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้งหลังจาก ‘แฮชเรต’ หรืออัตราพลังประมวลผลรวมทั่วเครือข่าย ขึ้นสู่ระดับ **1 เซตตะแฮชต่อวินาที (ZH/s)** เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นหมายถึงระบบสามารถประมวลผลคำสั่งได้ถึง 1 เซกซ์ทริลเลียนครั้งต่อวินาที (1,000,000,000,000,000,000,000) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและไม่หยุดนิ่งของภาคการขุดที่ดำเนินมายาวนานหลายสิบปี โดยข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ในการปรับปรุงค่าความยากของระบบตามกำหนดรอบ
ในการปรับปรุงค่าความยากครั้งนี้ ที่ดำเนินการในบล็อกลำดับที่ 907,200 ค่าความยากของการขุดเพิ่มขึ้น 1.07% สู่ระดับ **127.62T** แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดในรอบปี แต่ในด้านผลกระทบถือว่า ‘ใหญ่เกินตัว’ เพราะไม่ได้หยุดแค่แฮชเรตเท่านั้นที่ทำสถิติใหม่ ยังรวมถึง ‘ความเร็วของการสร้างบล็อก’ และ ‘ปริมาณการเข้าร่วมเครือข่าย’ ที่สูงผิดปกติ ส่งผลให้บิตคอยน์สร้างสถิติได้ถึง 3 เรื่องพร้อมกัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ **เวลาการสร้างบล็อกที่เร็วขึ้น** ย้อนกลับไปช่วงที่มีการปรับค่าความยากล่าสุด พบว่าเวลาเฉลี่ยในการสร้างบล็อกหนึ่งบล็อกอยู่ที่ 8 นาที 42 วินาที เร็วกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10 นาที ถึง 13% เท่ากับว่าเครือข่ายมีจำนวนเครื่องขุดเข้าร่วมมากเป็นประวัติการณ์หรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ บ่งชี้ว่าการแข่งขันในการขุดตอนนี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เครือข่ายก่อตั้งมา
การที่แฮชเรตพุ่งขึ้นแบบนี้ไม่ได้เกิดแบบชั่วคราว เพราะข้อมูลจากช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพบว่า ‘ค่าเฉลี่ยของแฮชเรต’ ทั่วเครือข่ายบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากถึง **70%** ในขณะที่ค่าความยากก็ขยับขึ้น **30%** พร้อมกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มที่อุตสาหกรรมเหมืองทั่วโลกยังคงลงทุนต่อเนื่อง ทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายความสามารถของเครื่องขุด ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งช่วยเสริมให้บิตคอยน์ยืนหยัดในฐานะเครือข่ายที่ทั้ง ‘ปลอดภัย’ และ ‘มั่นคง’ อย่างยากจะหาใครเทียบได้
สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้สะท้อนแค่ในฝั่งนักขุด แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมในกลุ่มผู้ลงทุนอย่างเห็นชัด โดยในวันที่เผยแพร่ข้อมูลนี้ ราคาของบิตคอยน์แตะระดับ **118,500 ดอลลาร์สหรัฐ** (ประมาณ 16.47 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า สวนกระแสภาพรวมตลาดคริปโตที่ยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ของนักวิเคราะห์หลายรายมองว่านี่คือสัญญาณว่า ‘ตลาดยังเชื่อมั่นในเครือข่ายของบิตคอยน์’ และตอบรับต่อความแข็งแกร่งทางเทคนิคของระบบ
ขณะที่การปรับความยากครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าก็คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมให้เครือข่ายบิตคอยน์เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ข่าวดีนี้จึงถือเป็นสัญญาณเชิงบวกทั้งต่อผู้ขุดและนักลงทุน พร้อมเตรียมรับมือกับบทใหม่ของการเพื่อความเป็นหนึ่งในโลกคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ
ความคิดเห็น 0