เอลซัลวาดอร์จับมือกับโบลิเวีย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแนวทาง ‘กำกับดูแลคริปโต’ ถือเป็นความร่วมมือระดับรัฐต่อรัฐในละตินอเมริกาที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อการยอมรับและการกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล
เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น ธนาคารกลางโบลิเวีย(BCB) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MoU) กับคณะกรรมการสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติเอลซัลวาดอร์(CNAD) เพื่อเริ่มต้นความร่วมมืออย่างเป็นทางการด้าน ‘การออกกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัล’ โดยตกลงจะแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยี ระบบกำกับดูแล การวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน และแนวทางประเมินความเสี่ยง การลงนามมีผลทันทีโดยไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุด
ความตกลงนี้ถูกลงนามโดย ฮวน การ์ลอส เรเยส การ์เซีย(Juan Carlos Reyes García) ประธานคณะกรรมการ CNAD กับเอ็ดวิน โรฮาส อูโล(Edwin Rojas Ulo) รักษาการประธานธนาคารกลางโบลิเวีย ทั้งสองประเทศเห็นพ้องร่วมกันว่าจะสร้าง ‘รากฐานด้านกฎหมาย’ เพื่อสนับสนุนฟินเทคและนวัตกรรมการเงินดิจิทัล โดยโบลิเวียหวังจะเดินรอยตามความสำเร็จของเอลซัลวาดอร์ในการใช้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ
การเปลี่ยนแปลงของโบลิเวียปรากฏชัดขึ้น ภายหลังออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 082/2024 เมื่อเดือนมิถุนายน ทำให้การใช้คริปโตเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าการซื้อขายคริปโตในเดือนเดียวกันพุ่งสูงถึง 294 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 4,067 ล้านบาท) จากเดิมในปี 2023 มีเพียง 46.5 ล้านดอลลาร์(ราว 647 ล้านบาท) เท่านั้น “โบลิเวียจะยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างทางการเงินที่ล้ำสมัยและครอบคลุมประชาชนให้มากขึ้น” ธนาคารกลางโบลิเวีย ระบุ
สำหรับเอลซัลวาดอร์ จุดยืนชัดเจนว่าเป็น ‘ประเทศต้นแบบ’ ที่กล้าประกาศให้บิตคอยน์(BTC) เป็นเงินตราอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2021 พร้อมใช้นวัตกรรมอย่างพลังงานภูเขาไฟในการขุดเหรียญ การออกโทเคนบนพื้นฐานพันธบัตรรัฐบาล และการประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ของเทเธอร์(Tether) เข้ามาในประเทศ
ล่าสุด เอลซัลวาดอร์ถือครองบิตคอยน์จำนวน 6,246 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 740.33 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1.03 หมื่นล้านบาท) ขณะที่บริการออกโทเคนบนพันธบัตรสหรัฐฯ ของบิทฟิเนกซ์(Bitfinex) และแผนการขยายธุรกิจของเทเธอร์ ต่างประจักษ์ชัดว่าประเทศแห่งนี้มีกรอบนโยบายที่เปิดกว้างและเอื้อต่อคริปโตในทุกมิติ
"ความคิดเห็น" ความร่วมมือระหว่างโบลิเวียและเอลซัลวาดอร์ไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยี แต่เป็นการเปิดฉากสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาระบบกำกับดูแลคริปโตในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในภูมิภาคละตินอเมริกา ซึ่งกำลังเดินหน้าเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง และอาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในการปฏิรูปกฎระเบียบทั่วโลกในอนาคต
ความคิดเห็น 0