นักลงทุนในทรอน(TRX) กำลังสร้างความสนใจในตลาดอีกครั้ง หลังพบว่ามีการขายทำกำไรครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกระเป๋าเงินที่ถือครองเหรียญมาเป็นระยะเวลานานกว่า 3-5 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ *กำไรที่ถูกทำให้เกิดขึ้นจริง (Realized Profit)* ภายในวันเดียวของทรอนพุ่งสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.94 หมื่นล้านบาท
ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ออนเชนชื่อดัง *Glassnode* เมื่อวันที่ 5 ระบุว่าการขายทำกำไรครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่อันดับสองของปี และผู้ขายหลักคือกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่สะสม TRX ไว้ตั้งแต่รอบขาขึ้นในปี 2020-2021 ซึ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้อาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในระยะสั้นได้
ที่น่าสนใจคือ *ทรอน* มียอดกำไรที่เกิดขึ้นจริงในวันเดียวสูงกว่าสกุลอื่นอย่างมาก โดยในวันที่ 5 เพียงวันเดียว บิตคอยน์(BTC) มีกำไรจากการขายจริงอยู่ที่ 665.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,248 ล้านบาท) และอีเธอเรียม(ETH) อยู่ที่ 337.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,679 ล้านบาท) เท่านั้น จึงสะท้อนว่ากระแสการขายทำกำไรใน TRX นั้นรุนแรงกว่ามาก
Glassnode ยังเผยอีกว่า หลังจากวันดังกล่าว ก็ยังมีกิจกรรมขายทำกำไรเฉลี่ยต่อวันราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท) ต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายเดือน ความต่อเนื่องเช่นนี้ สะท้อนถึงพฤติกรรมขายของนักลงทุนระยะยาวที่กลับเข้ามา ‘เคลื่อนไหว’ อย่างชัดเจน
ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจากเครือข่ายก็ยืนยันแนวโน้มนี้เช่นกัน โดยดัชนี *NUPL* ของทรอนซึ่งใช้วัดโอกาสกำไรจากการขายเหรียญ อยู่ในโซนก้ำกึ่งระหว่างความ 'มั่นใจ' และ 'กังวล' ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนกำลังพิจารณาการขายอย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ดัชนี *SOPR* ที่อยู่เหนือ 1 ก็แสดงให้เห็นว่าเหรียญที่ถูกขายนั้นให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก ทั้งนี้ มูลค่าการขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงในวันเดียวของทรอนมีเพียง 31,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.4 ล้านบาท) เท่านั้น
กระแสการทำกำไรครั้งนี้ยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวโดยรวมของระบบนิเวศทรอน ที่ปัจจุบันมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการโอนสเตเบิลคอยน์เทเธอร์(USDT) ที่ปัจจุบันปริมาณการใช้งานบนเครือข่ายทรอนสูงกว่าอีเธอเรียมมากกว่า 5 เท่า ส่งผลให้ปีนี้ปริมาณ USDT บนทรอนเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ปัจจุบันมีมูลค่ารวมกว่า 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 112.6 ล้านล้านบาท) อยู่บนเครือข่าย
นอกจากนี้ *เครือข่ายทรอน* ยังอยู่เบื้องหลังการโอนเงิน USDT ทั่วโลกกว่า 60% และกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและองค์กรที่อยู่ในระบบการเงินแบบดั้งเดิมอีกด้วย ล่าสุดบริษัทของเล่น SRM Entertainment ยังหันมาถือเหรียญ TRX เป็นทรัพย์สินของบริษัท พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Tron Inc.’ เพิ่มเติมสะท้อนการยอมรับที่ขยายตัวในฝั่งสถาบัน
แม้การขายของนักลงทุนรายยาวจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่เมื่อพิจารณาควบคู่กับการเติบโตเชิงโครงสร้างของเครือข่ายทรอน ก็อาจถือเป็นปัจจัย *บวกในระยะกลางถึงยาว* อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ในระยะสั้นควรระวัง *ความผันผวนจากแรงขายทำกำไร* ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา TRX ได้
ความคิดเห็น 0