โคอินเบส(COIN) เตรียมเปลี่ยนนโยบายค่าธรรมเนียมการแปลงสเตเบิลคอยน์โดยจะเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการแปลงระหว่างดอลลาร์สหรัฐและยูเอสดีคอยน์(USDC) ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมเป็นต้นไป หากผู้ใช้มียอดการแปลงสุทธิสะสมเกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 30 วัน จะต้องเสียค่าธรรมเนียม *0.1%* จากจำนวนที่เกิน โดยจะคำนวณจากยอดขายสุทธิของ USDC ไม่รวมยอดการซื้อ
นโยบายล่าสุดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่โคอินเบสกำลังเผชิญกับ *ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง* โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีทั้งรายได้และกำไรสุทธิต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี รายได้จาก USDC เติบโตถึง *12% เมื่อเทียบกับปีก่อน* โดยทำรายได้ถึง 332 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4610 ล้านบาทในไตรมาสเดียว แสดงให้เห็นว่า *ธุรกิจสเตเบิลคอยน์ของโคอินเบสยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง*
นี่ถือเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกันที่โคอินเบสไม่สามารถทำผลงานได้ตามการคาดหมายของตลาด ซึ่งกำลังสร้างแรงกดดันต่อบริษัทอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทต้องมองหาหนทางในการ *เพิ่มรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำลังเติบโต* อย่างเช่น USDC โดยใช้มาตรการที่มีลักษณะเป็นการทดลอง เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมในครั้งนี้
ライอัน ฌอน อดัมส์(Ryan Sean Adams) ผู้ร่วมก่อตั้ง Bankless สื่อด้านบล็อกเชน ได้แสดง *ความกังวล* ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือ Twitter) โดยระบุว่า “ไม่น่ายอมรับได้เท่าไรนัก” พร้อมเสริมว่า หากในอนาคตเกณฑ์ค่าธรรมเนียมลดลงเหลือเพียง 1 หมื่นดอลลาร์ แนวโน้มในระยะยาวจะคล้ายกับระบบค่าธรรมเนียมของธนาคารดั้งเดิมมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็น *ประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด*
ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดคริปโตและการใช้งานสเตเบิลคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ความเคลื่อนไหวของโคอินเบสในครั้งนี้อาจ *สั่นสะเทือนตลาดโดยรวม* และอาจกระตุ้นให้ *แพลตฟอร์มอื่นๆ พิจารณานโยบายในลักษณะเดียวกัน* ในอนาคต
ความคิดเห็น 0