ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเริ่มเผชิญกับความท้าทายด้านกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเส้นแบ่งระหว่าง ‘การเทรดระยะสั้น’ และ ‘การปั่นราคา’ เริ่มเลือนลางลง ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2024 กฎหมาย ‘คุ้มครองผู้ใช้คริปโต’ มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายในตลาด
ตลาดคริปโตมีลักษณะ ‘ผันผวนสูง’ ทำให้การซื้อขายระยะสั้นเพื่อทำกำไรเป็นที่นิยม อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ตลาดมีความโปร่งใสและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ทางการได้เริ่มตรวจสอบรูปแบบการซื้อขายของผู้ลงทุนบางราย เพื่อพิจารณาว่ามีการกระทำที่เข้าข่าย ‘การปั่นราคา’ หรือไม่ ทางสำนักงานกฎหมาย ‘ดีเซนท์’ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแยกแยะระหว่างกลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้องกับการปั่นราคาที่ผิดกฎหมาย
ตาม ‘กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล’ มาตรา 10 การกระทำบางประเภท เช่น ‘วอชเทรด(Wash Trading)’ ซึ่งเป็นการซื้อขายเพื่อสร้างปริมาณปลอม, ‘สปูฟฟิง(Spoofing)’ การส่งคำสั่งซื้อหรือขายปริมาณมากเพื่อหลอกตลาด และ ‘การสมคบคิด(Collusion)’ ระหว่างนักลงทุน ถูกจัดเป็น ‘พฤติกรรมไม่เป็นธรรม’ อย่างไรก็ตาม ในตลาดที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้ บางกรณีอาจเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ไม่สามารถแยกแยะได้ง่าย นอกจากนี้ การเทรดแบบ ‘สเกลปิง(Scalping)’ และ ‘เดย์เทรด(Day Trading)’ ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาแทรกแซงราคาเช่นกัน
ล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแลการเงินได้ร่วมมือกับ ‘ศูนย์วิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงิน(FIU)’ เพื่อเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติบนกระดานเทรดคริปโต โดยพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น การซื้อขายปริมาณมากหรือการส่งคำสั่งซ้ำ ๆ อาจถูกนำมาวิเคราะห์ว่ามีจุดประสงค์เพื่อบิดเบือนราคาหรือไม่ หากพบธุรกรรมที่น่าสงสัย ทางการสามารถเริ่มการสืบสวนได้ทันที นอกจากนี้ กระดานเทรดยังมีภาระผูกพันในการรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออิสระในการซื้อขายของนักลงทุน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักลงทุนเก็บบันทึกการซื้อขายไว้อย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ทางสำนักงานกฎหมายดีเซนท์ระบุว่า หากนักลงทุนถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ควรเตรียมเอกสารเพื่อพิสูจน์ว่าการซื้อขายเป็นไปตามหลักกลไกตลาด รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อหาทางป้องกันการถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการปั่นราคา
แม้ว่าตลาดคริปโตจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นอาจส่งผลต่อแนวทางการลงทุน นักลงทุนจึงควรติดตามความเคลื่อนไหวทางกฎหมายอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากข้อบังคับใหม่ในอนาคต
ความคิดเห็น 0