หลังจากราคาของ *อีเธอเรียม(ETH)* พุ่งสูงเกินความคาดหมายของตลาด อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Maelstrom ได้ออกมาประกาศว่าเขาได้กลับเข้าซื้อ ETH อีกครั้ง ทั้งที่เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งขายสินทรัพย์ดิจิทัลออกพร้อมเตือนถึงแนวโน้มขาลงของตลาด โดยอ้างถึงนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ในครั้งนั้น เฮย์สขาย *อีเธอเรียม* ที่ถืออยู่เป็นส่วนใหญ่ รวมมูลค่าราว 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 111.2 ล้านบาท โดยการขายนี้รวมถึงเหรียญมีมอย่าง *เปเป้(PEPE)* และ *เอนา(ENA)* ด้วย เขามองว่าสัญญาณจากเฟดยังไม่บ่งชี้ถึงการลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ และการเคลื่อนไหวทางการทูตของทรัมป์อาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี
แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ราคาของ *อีเธอเรียม* ปรับตัวขึ้นกว่า *20% ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว* ทะลุระดับ 4,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 583.8 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบหลายปี ห่างไกลจากระดับ 3,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 417 ล้านบาท ที่เฮย์สเคยมองว่าอาจเป็นจุดรับ
รับมือความพลิกผันดังกล่าว เฮย์สโพสต์ใน X (เดิมคือ Twitter) ว่า *“ซื้อคืนหมดแล้ว”* พร้อมแนบชาร์ตราคา ETH และกล่าวอย่างยอมรับผิดว่าเขาควรฟัง *ทอม ลี*(Tom Lee) นักลงทุนผู้เป็นสายบวกต่อ ETH มากกว่า ทั้งยังทิ้งท้ายด้วยคำมั่นแบบติดตลกว่า *“จะไม่ขายทำกำไรอีก”*
การเปลี่ยนจุดยืนของเฮย์สครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของจังหวะในโลกการลงทุน โดยเฉพาะในตลาด *คริปโตเคอร์เรนซี* ที่มักสร้างเซอร์ไพรส์และตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกอย่างนโยบายของ *เฟด* หรือท่าทีของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ได้อย่างรุนแรง *ความคิดเห็น*: ตลาดคริปโตอาจไม่เดินตามแผนหรือคำทำนายใด ๆ แต่กลับเคลื่อนไหวด้วยแรงผลักดันใหม่เสมอ
ความคิดเห็น 0