Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ถอนสเตกอีเธอเรียม(ETH) ทะลุ 800,000 เหรียญ รอคิวนานสูงสุด 14 วัน สะท้อนความเปราะบางระบบ DeFi

ถอนสเตกอีเธอเรียม(ETH) ทะลุ 800,000 เหรียญ รอคิวนานสูงสุด 14 วัน สะท้อนความเปราะบางระบบ DeFi / Tokenpost

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา *เวลาในการถอนสเตกอีเธอเรียม(ETH)* ทะยานสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ชุมชนคริปโตสะเทือนไปทั่ว ปัจจุบันมีอีเธอเรียมกว่า 808,880 ETH หรือราว 5.1 ล้านล้านวอน รอการถอนออกจากระบบ โดยกระบวนการถอนอาจใช้เวลาสูงสุดถึง *14 วัน*

ความล่าช้านี้มาจากระบบ ‘คิวของตัวตรวจสอบบล็อก’ หรือที่เรียกว่า *epoch limit* ของอีเธอเรียมซึ่งถึงจุดอิ่มตัว โดย ‘epoch’ คือช่วงเวลาหนึ่งที่ตัวตรวจสอบมีสิทธิ์เข้าร่วมในการสร้างบล็อก ซึ่งแต่ละ epoch ใช้เวลาประมาณ 6.4 นาที โดยธรรมชาติของระบบนั้นกำหนดปริมาณ ETH ที่สามารถฝาก/ถอนต่อ epoch ได้อย่างจำกัด เมื่อต้องเผชิญกับคำขอถอนจำนวนมาก ระบบจึงเกิด *คอขวด* ขึ้น

ไม่เพียงแค่ฝั่งถอน ฝั่งที่ต้องการฝาก ETH ใหม่เพื่อสเตกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีผู้รอสเตกอีเธอเรียมใหม่กว่า 374,000 ETH หรือประมาณ 2.58 ล้านล้านวอน ซึ่งต้องรอประมาณ 6 วัน

เบื้องหลังสถานการณ์นี้มีหลายปัจจัยผสมกันเข้ามา มาร์ซิน(Marcin) ผู้ร่วมก่อตั้ง RedStone Oracle ชี้ว่า จุดเริ่มของความวุ่นว่านี้คือกรณีที่ *จัสติน ซัน(Justin Sun)* ผู้ก่อตั้งทรอน(TRX) ถอน ETH ออกจากโปรโตคอล Aave มูลค่าประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์เมื่อเดือนก่อน ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ในอีเธอเรียมพุ่งขึ้น ส่งผลให้กลยุทธ์ DeFi ที่ใช้ LST (Liquidity Staking Token) อย่าง “looping” ขาดความคุ้มค่าชั่วคราว รวมถึงราคาแลกเปลี่ยนระหว่าง stETH และ ETH ยังห่างกันถึง 0.3% ซึ่งไม่ปกติ

นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) แสดงท่าทีว่า *สเตก ETH และ LST* ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ ยิ่งกระตุ้นกลุ่มนักลงทุนให้จัดพอร์ตล่วงหน้า ก่อนการเปิดตัว *ETH สเตกกิ้ง ETF* ที่กำลังจะมาถึง บวกกับราคาอีเธอเรียมที่ใกล้เคียงระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 4,891.70 ดอลลาร์ ทำให้เกิดแรงขายเพื่อล็อกกำไรสูงขึ้นอีก

*ความคิดเห็น* นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การเร่งถอน ETH ครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การขายทำกำไรตามปกติหรือติดขัดทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณถึงความเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ทางการเงินของบริษัทขนาดใหญ่ ความเปราะบางในระบบ LST หรือแม้แต่การเตรียมรับ ETF ซึ่งทั้งหมดอาจนำพาเครือข่ายอีเธอเรียมเข้าสู่ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอีกครั้ง

แม้อีเธอเรียมจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความเชื่อมั่นเป็นอันดับสองรองจากบิตคอยน์(BTC) และมีระบบสเตกที่สร้างผลตอบแทนมายาวนาน แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ได้ตั้งคำถามใหม่ต่อ *ความยืดหยุ่นและการขยายตัว* ของระบบอีเธอเรียม อีกทั้งยังเปิดเผย *จุดอ่อน* ของโมเดล DeFi ที่พึ่งพา LST อย่างชัดเจน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1