เจมินี(Gemini) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในสหรัฐฯ ได้ลงนามในข้อตกลงสินเชื่อวงเงินสูงสุดถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,085 ล้านบาท) กับบริษัทบล็อกเชนชั้นนำอย่างริปเปิล(Ripple) ท่ามกลางการเตรียมตัวเพื่อยื่นเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ข้อตกลงนี้ถือเป็นความพยายามของเจมินีในการเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ริปเปิลสามารถต่อยอดการขยายตลาดของสเตเบิลคอยน์ RLUSD ได้มากขึ้น
จากเอกสารแบบ S-1 ที่เจมินียื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เจมินีสามารถกู้ยืมจากริปเปิลสูงสุด 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,042 ล้านบาท) ในเฟสแรก โดยมีทางเลือกในการขยายวงเงินได้อีกเท่าตัว หากตรงตามเงื่อนไขในอนาคต อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ตั้งไว้ที่ 8.5% ต่อปี
ในขณะนี้ เจมินีได้เริ่มใช้วงเงินสินเชื่อบางส่วนแล้ว โดยในช่วงแรกการกู้ยืมจะใช้หน่วยเงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากมีการเพิ่มวงเงินในภายหลัง เจมินีจะสามารถกู้ยืมผ่าน RLUSD ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ริปเปิลเปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2024 RLUSD ยึดมูลค่าตามดอลลาร์สหรัฐ และได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว โดยผู้สังเกตการณ์หลายรายมองว่าข้อตกลงนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ขยายการใช้งานจริงของ RLUSD ในโลกคริปโตมากขึ้น
ด้านสถานะทางการเงินของเจมินี ตามเอกสาร IPO ที่เพิ่งเปิดเผย พบว่าบริษัทเผชิญกับผลขาดทุนจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 โดยมีเงินสดในมือเพียง 162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,255 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับภาระหนี้สินที่สูงเกิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.78 หมื่นล้านบาท) ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์ที่กดดันนี้อาจเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เจมินีต้องเข้าร่วมข้อตกลงกับริปเปิล
ที่น่าสนใจคือ แม้ริปเปิลจะเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในวงการคริปโตและมีศักยภาพสูง แต่ปัจจุบันยังไม่มีแผนเสนอขายหุ้น IPO อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่มีขนาดใหญ่และความเคลื่อนไหวที่จับตา การเลือกเป็นพันธมิตรผ่านการปล่อยสินเชื่อครั้งนี้อาจสะท้อนถึงแนวทางการขยายธุรกิจแบบมีพันธมิตรเป็นศูนย์กลางของริปเปิล
ข้อตกลงระหว่างเจมินีกับริปเปิลครั้งนี้ แสดงถึงการจับมือกันระหว่างความต้องการด้านเงินทุนกับกลยุทธ์ขยายตลาดของสเตเบิลคอยน์ โดย *ความคิดเห็น* มองว่านี่เป็นกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าสเตเบิลคอยน์กำลังมีบทบาทมากขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานของโลกคริปโต และอาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมภาคการเงินดั้งเดิมกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0