แซม แบงค์แมน-ฟรีด(SBF) ได้หันมาเปลี่ยนท่าทีทางการเมืองอย่างกะทันหัน ด้วยการร้องขออภัยโทษจากประธานาธิบดีทรัมป์ อดีตซีอีโอของ FTX ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพรรคเดโมแครต กำลังพยายามใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายเพื่อพลิกคำตัดสินจำคุก 25 ปีของเขา พร้อมทั้งกล่าวโจมตีหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายและศาลที่เกี่ยวข้อง
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับสำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ แบงค์แมน-ฟรีดยืนยันว่า "ผมไม่คิดว่าใครควรถูกตัดสินว่ามีความผิด" พร้อมย้ำจุดยืนของตนเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แม้ว่าจะถูกตั้งข้อหายักยอกเงินลูกค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และมีพยานรวมถึงอดีตผู้ร่วมงานที่ยอมรับผิดในคดีนี้แล้วก็ตาม
ที่สำคัญ รายงานล่าสุดระบุว่าพ่อแม่ของเขาได้ทำเรื่องร้องขออภัยโทษจากประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสัญญาณว่ากลยุทธ์ของแบงค์แมน-ฟรีดได้ขยายจากการสู้คดีในชั้นศาล ไปสู่ความพยายามดึงอำนาจทางการเมืองมาใช้ประโยชน์ กรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับกรณีของไรอัน ซาลาเม อดีตผู้บริหารของ FTX ที่เคยอ้างว่าตนเองเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งทางการเมือง ก่อนถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 6 เดือน
แม้เขาจะเคยสนับสนุนพรรคเดโมแครตมาก่อน แต่ปัจจุบันแบงค์แมน-ฟรีดได้ชี้ให้เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เคยอภัยโทษให้กับรอสส์ อูลบริช ผู้ก่อตั้งตลาดมืด Silk Road ยุคแรก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหวังว่าจะได้รับโอกาสเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีของอูลบริช มีแรงสนับสนุนจากชุมชนคริปโตและภาคประชาชนอย่างมาก ในขณะที่สำหรับแบงค์แมน-ฟรีด แนวโน้มการได้รับความเห็นใจจากสาธารณะยังคงเป็นเรื่องยาก
สำหรับอุตสาหกรรมคริปโต หลายฝ่ายมองว่าโอกาสที่แบงค์แมน-ฟรีดจะได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีทรัมป์มีค่อนข้างต่ำ เนื่องจากทรัมป์มักระมัดระวังในการแทรกแซงคำตัดสินของศาล ประกอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีของ FTX ซึ่งกระทบต่อนักลงทุนจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้การตัดสินใจเรื่องนี้ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ความคิดเห็น 0